เครื่องหมาย CB (Caution Business) เป็นเครื่องหมายเตือนที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ใช้เพื่อแจ้งให้นักลงทุนทราบถึงสถานการณ์ที่บริษัทจดทะเบียนกำลังเผชิญปัญหาด้านฐานะการเงินหรือผลการดำเนินงาน เครื่องหมายนี้มีบทบาทสำคัญในการช่วยนักลงทุนประเมินความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุนในหุ้นของบริษัทที่ติดเครื่องหมายดังกล่าว
การขึ้นเครื่องหมาย CB เป็นสัญญาณเตือนว่าบริษัทอาจมีปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางการเงิน เช่น การมีส่วนของผู้ถือหุ้นต่ำกว่ามาตรฐาน ผลขาดทุนสุทธิต่อเนื่อง การผิดนัดชำระหนี้ หรือการเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการหรือล้มละลาย
โดยเครื่องหมายนี้ถูกออกแบบมาเพื่อลดความเสี่ยงที่นักลงทุนอาจเผชิญจากการลงทุนในหุ้นที่มีปัญหา และช่วยเพิ่มความโปร่งใสในตลาดทุน โดยให้นักลงทุนได้รับข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ของบริษัทอย่างชัดเจน
เมื่อหุ้นของบริษัทถูกขึ้นเครื่องหมาย CB จะมีผลกระทบโดยตรงต่อการซื้อขาย เช่น นักลงทุนจะต้องใช้บัญชีแคชบาลานซ์ (Cash Balance) ในการซื้อขายหุ้นนั้น ซึ่งหมายความว่าต้องวางเงินสดเต็มจำนวนก่อนซื้อหุ้น ข้อกำหนดนี้ช่วยลดโอกาสในการเก็งกำไรและควบคุมความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากราคาหุ้นที่ผันผวน
ดังนั้น เครื่องหมาย CB มีความสำคัญต่อนักลงทุน เพราะเป็นตัวบ่งชี้ถึงสถานะของบริษัทที่อาจไม่มั่นคง จึงควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสาเหตุที่ทำให้บริษัทติดเครื่องหมาย CB และวิเคราะห์ความสามารถของบริษัทในการแก้ไขปัญหา เพื่อประเมินความเสี่ยงและโอกาสในการลงทุนอย่างรอบคอบ
ทั้งนี้ การเข้าใจถึงความหมายและผลกระทบของเครื่องหมาย CB จะช่วยให้นักลงทุนสามารถตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูลและลดโอกาสในการเผชิญกับความเสียหายจากการลงทุนในหุ้นที่มีปัญหา
ข้อมูล ณ 6 มีนาคม 2568 มีบริษัทถูกขึ้นเครื่องหมาย CB ทั้งสิ้น 86 บริษัท (รวม SET และ mai) โดยสาเหตุของการถูกขึ้นเครื่องหมายดังกล่าว มีดังนี้
สำหรับจำนวนสาเหตุต่อบริษัทที่ถูกขึ้นเครื่องหมาย CB พบว่า
การวิเคราะห์บริษัทที่ถูกขึ้นเครื่องหมาย CB แยกตามปี
ปี 2568 (ณ 6 มีนาคม 2568) จำนวน 56 บริษัท
ปี 2567 จำนวน 14 บริษัท
ปี 2566 จำนวน 2 บริษัท โดยสาเหตุทั้งหมดมาจากส่วนผู้ถือหุ้น < 50% ของทุนชำระแล้ว
เมื่อหุ้นของบริษัทถูกขึ้นเครื่องหมาย CB จะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการซื้อขายและราคาหุ้นในหลายมิติ เนื่องจากเครื่องหมายนี้เป็นสัญญาณเตือนที่ชัดเจนว่าบริษัทกำลังเผชิญปัญหาด้านฐานะการเงินหรือผลการดำเนินงาน ซึ่งสร้างความกังวลให้กับนักลงทุนและอาจส่งผลต่อการซื้อขายและราคาหุ้นในระยะสั้นและระยะยาว รวมถึงข้อจำกัดที่นักลงทุนต้องเผชิญ
หนึ่งในผลกระทบที่สำคัญที่สุดของการขึ้นเครื่องหมาย CB คือ ข้อกำหนดให้หุ้นต้องซื้อขายผ่านบัญชีแคชบาลานซ์ (Cash Balance) หมายความว่านักลงทุนที่ต้องการซื้อหุ้นจะต้องวางเงินสดเต็มจำนวนไว้กับโบรกเกอร์ก่อนทำการซื้อขาย ข้อกำหนดนี้มีจุดประสงค์เพื่อลดความเสี่ยงในการเก็งกำไรและควบคุมความผันผวนของราคาหุ้น อย่างไรก็ตาม ก็ส่งผลต่อประเด็น ดังนี้
การประกาศขึ้นเครื่องหมาย CB อาจส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากนักลงทุนมองว่าเป็นสัญญาณเตือนถึงปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางการเงิน เช่น หุ้น XYZ ที่ถูกขึ้นเครื่องหมาย CB ราคาหุ้นปรับลดลงถึง 10% ในวันเดียว เนื่องจากบริษัทผิดนัดชำระหนี้กับสถาบันการเงิน
ซึ่งการตอบสนองดังกล่าวสะท้อนถึงความกังวลของนักลงทุนต่อความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น หรือในกรณีอื่นๆ ที่ถูกขึ้นเครื่องหมาย CB หลังผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ ราคาหุ้นก็ปรับตัวลดลงทันทีหลังจากข่าวประกาศออกมา โดยการปรับตัวลดลงของราคาหุ้นในระยะสั้นนี้มักเกิดจาก
ในระยะยาว ราคาหุ้นที่ติดเครื่องหมาย CB มักเผชิญกับแรงกดดันต่อเนื่อง หากบริษัทไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในกรณีที่บริษัทมีปัญหารุนแรง เช่น การผิดนัดชำระหนี้ หรือการเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ
นักลงทุนอาจมองว่าบริษัทมีโอกาสถูกเพิกถอนออกจากตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งจะส่งผลให้ราคาหุ้นมีโอกาสปรับลดลงไปอีก อย่างไรก็ตาม หากบริษัทสามารถแก้ไขปัญหาได้สำเร็จและได้รับการปลดเครื่องหมาย CB ราคาหุ้นก็มีแนวโน้มปรับตัวขึ้น หลังได้รับข่าวดี
หากบริษัทไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ภายในระยะเวลาที่ตลาดหลักทรัพย์กำหนด หุ้นอาจเข้าสู่เกณฑ์ “อาจถูกเพิกถอน” ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่สร้างแรงกดดันอย่างมากต่อราคาหุ้น นักลงทุนส่วนใหญ่มักหลีกเลี่ยงการลงทุน เช่น หุ้นบางตัวที่ติดเครื่องหมาย CB ต่อเนื่องเป็นเวลานาน ราคาอาจปรับลดลงต่อเนื่อง และไม่มีสภาพคล่องในการซื้อขาย
หุ้นที่ติดเครื่องหมาย CB มักมีความผันผวนสูง เนื่องจาก
สำหรับโอกาสในการฟื้นตัวของราคาจะมีหรือไม่นั้นก็ต่อเมื่อบริษัทสามารถแก้ไขปัญหาและได้รับการปลดเครื่องหมาย CB โดยขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ลักษณะของปัญหาที่ได้รับการแก้ไข (หากเป็นการแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างที่ยั่งยืน
การตอบสนองของตลาดมักจะเป็นบวกมากกว่าการแก้ไขเพียงเพื่อให้ผ่านเกณฑ์ในระยะสั้น) หรือความเชื่อมั่นในผู้บริหารและแผนธุรกิจ (หากบริษัทมีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์หรือผู้บริหารที่สร้างความเชื่อมั่นในทิศทางใหม่ ราคาหุ้นอาจมีการตอบสนองเชิงบวกมากขึ้น)
เครื่องหมาย CB ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการซื้อขายและราคาหุ้น ทั้งในด้านข้อจำกัดในการซื้อขายผ่านบัญชีแคชบาลานซ์ การลดสภาพคล่อง และแรงกดดันต่อราคาที่เกิดจากความกังวลของนักลงทุน โดยในระยะสั้น ราคาหุ้นอาจปรับลดลงหลังประกาศขึ้นเครื่องหมาย
ส่วนในระยะยาว ราคาจะขึ้นอยู่กับความสามารถของบริษัทในการแก้ไขปัญหา หากบริษัทไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ทันเวลา ความเสี่ยงที่จะถูกเพิกถอนจะเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่นักลงทุนต้องหลีกเลี่ยง
สำหรับนักลงทุน การติดตามข่าวสารเกี่ยวกับสถานการณ์ของบริษัทและประเมินโอกาสในการแก้ไขปัญหาเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อช่วยในการตัดสินใจว่าจะถือครองหรือหลีกเลี่ยงหุ้นที่ติดเครื่องหมาย CB โดยติดตามรายชื่อหุ้นที่ถูกขึ้นเครื่องหมาย CB ได้จากระบบเทรด Streaming โดยเครื่องหมายเหล่านี้จะอยู่ท้ายชื่อหุ้นแต่ละตัว
หรือดูได้จากเมนู Market Alert จากเว็บไซต์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พร้อมติดตามความคืบหน้าในการแก้ไขเหตุนั้นๆ จากการจัด Public Presentation ของบริษัทที่ถูกขึ้นเครื่องหมาย CB และรายงานผ่านระบบเผยแพร่ข้อมูล
แหล่งที่มา : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)