“โกลเบล็ก” ชี้เดือนพ.ค. หุ้นไทยผันผวน แนะ 5 หุ้นเด่นงบ Q1 ดี

07 พ.ค. 2568 | 04:00 น.
อัปเดตล่าสุด :07 พ.ค. 2568 | 04:00 น.

บล.โกลเบล็ก (GBS) ประเมินหุ้นไทยประจำเดือนพ.ค. ยังผันผวน แนะจับตาสถานการณ์ตึงเครียดด้านการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน การลดดอกเบี้ยเฟด คาดกรอบดัชนี 1,160-1,220 จุด แนะ 5 หุ้นเด่นงบไตรมาส1 ดี

นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหุ้นไทยในเดือนพฤษภาคม 2568 ว่า ทางฝ่ายคาดการณ์ SET Index ยังแกว่งตัวผันผวน โดยนักลงทุนยังคงจับตามาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ

โดยเศรษฐกิจสหรัฐหดตัว -0.3% ในไตรมาส 1/2568 สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าขยายตัว +0.2% หลังจากขยายตัว +2.4% ในไตรมาส 4/2567 แม้ดีกว่าแบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ที่ประเมินว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะหดตัว -2.7% ในไตรมาส 1/2568 สร้างความกังวลเกี่ยวกับการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐฯ

จากมาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากร และ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ "โดนัลด์ ทรัมป์" ยังได้ประกาศผ่านแพลตฟอร์ม Truth Social ว่า จะมีการเรียกเก็บภาษีในอัตรา 100% กับภาพยนตร์ทุกเรื่องที่ผลิตในต่างประเทศ ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในทันที
 

ด้าน FedWatch Tool ของ CME Group ประเมินว่านักลงทุนคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) จะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมเดือนพ.ค.และเดือนมิ.ย. นี้

ส่วน เอสแอนด์พี โกลบอล (S&P Global) เปิดเผยถึงดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายของสหรัฐฯ อยู่ที่ระดับ 50.8 ในเดือนเม.ย. ต่ำกว่าตัวเลขประมาณการเบื้องต้นที่ 51.4 และชะลอลงจากระดับ 54.4 ในเดือนมี.ค.

ขณะที่มูดี้ส์ เรทติ้งส์ สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับโลก ประกาศลดอันดับมุมมอง “แนวโน้ม” (Outlook) อันดับเครดิตของประเทศไทย จาก “มีเสถียรภาพ” ลงสู่แนวโน้ม “เชิงลบ” ซึ่งเป็นการปรับลงสู่ระดับ “Negative”เป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 17 ปี รวมถึงปรับลดมุมมองอันดับความน่าเชื่อถือของสถาบันการเงิน 7 แห่งของไทยเป็น "เชิงลบ" จาก "มีเสถียรภาพ"

วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS

ส่วนราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับตัวลงต่ำกว่า 60 ดอลลาร์/บาร์เรล กดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน ขณะที่ปัจจัยในประเทศยังต้องติดตามการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่จะสิ้นสุดในวันที่ 15 พ.ค. ฝ่ายวิจัยจึงคาดกรอบดัชนีในเดือนนี้อยู่ที่ 1,160 - 1,220 จุด  

จับตาปัจจัยในประเทศที่ส่งผลต่อการลงทุน

  • วันที่ 7 พ.ค. ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.)
  • สัปดาห์ที่ 2 สภาผู้ส่งออก แถลงสถานการณ์การส่งออก, สภาธุรกิจตลาดทุนไทย แถลงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนและอัพเดตสถานการณ์ลงทุน
  • วันที่ 14 พ.ค. รายงานผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ฉบับย่อ
  • วันที่ 15 พ.ค. กำหนดวันสุดท้ายส่งงบการเงินงวดสิ้นสุด 31 มี.ค. 68
  • สัปดาห์ที่ 3 มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย แถลงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค, ดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย, ส.อ.ท. แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม,
  • สัปดาห์ที่ 4 กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศ, ส.อ.ท. แถลงยอดผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์
  • วันที่ 30 พ.ค. ธปท. รายงานภาวะเศรษฐกิจและการเงินไทย

ปัจจัยต่างประเทศที่น่าจับตา

  • วันนี้ 7 พ.ค. จีน รายงานทุนสำรองเงินตราต่างประเทศเดือนเม.ย., ญี่ปุ่น รายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนเม.ย., สหรัฐ รายงานสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์
  • วันที่ 6-7 พ.ค. ประชุมธนาคารกลางสหรัฐ ครั้งที่ 2/68
  • เช้าวันที่ 8 พ.ค.  FED แถลงมติอัตราดอกเบี้ย, วันที่ 8 พ.ค. ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดเผยรายงานการประชุม, ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) แถลงมติอัตราดอกเบี้ย, สหรัฐ รายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนมี.ค.
  • วันที่ 9 พ.ค. จีน รายงานยอดนำเข้า ส่งออก และดุลการค้าเดือนเม.ย., ญี่ปุ่น รายงานการใช้จ่ายภาคครัวเรือนเดือนมี.ค.

บล.โกลเบล็ก (GBS) แนะ 5 หุ้นเด่นงบไตรมาส 1/68 ดี

นายวัชเรนทร์ จงยรรยง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ทางฝ่ายแนะนำกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นที่คาดว่าจะประกาศผลการดำเนินงานในงวดไตรมาส 1/2568 ออกมาดี ได้แก่ STECON, OSP, WHA, TRUE และ ADVANC เป็นต้น

ราคาทองคำผันผวน

ด้านนายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก ประเมินราคาทองคำยังคงมีโอกาสเคลื่อนไหวผันผวน เนื่องจากนักลงทุนยังคงรอความชัดเจนเกี่ยวกับสถานการณ์ของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ประกอบกับนักลงทุนจับตาผลการประชุม FED  ช่วงต้นเดือนพ.ค.68 นี้ เพื่อข้อสรุปถึงทิศทางอัตราดอกเบี้ย

ขณะที่ภายหลัง “ทรัมป์” ประกาศระงับมาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ เป็นเวลา 90 วัน พร้อมเผยว่ามีโอกาสที่จะบรรลุข้อตกลงทางการค้ากับอินเดีย เกาหลี และญี่ปุ่น ทำให้นักลงทุนคลายความ กังวลสงครามการค้าลงบ้าง คาดทำให้มีแรงขายทำกำไรทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย

อย่างไรก็ตาม FED เผยว่าอาจจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้น หากพบว่า อัตราว่างงานพุ่งขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จึงคาดการณ์ว่าปัจจัยดังกล่าวเหล่านี้จะช่วยพยุงราคาทองคำ โดยให้กรอบทองคำเดือนนี้ 3,200-3,475 ดอลลาร์ต่อออนซ์