ก.ล.ต. แจงตรวจ บจ. เน้นรายงานถือหุ้น 5%–ครอบงำกิจการ สกัดฟอกเงิน-สแกมเมอร์

24 ธ.ค. 2568 | 10:15 น.
อัปเดตล่าสุด :24 ธ.ค. 2568 | 10:20 น.

ก.ล.ต. ชี้แจงการตรวจสอบบริษัทจดทะเบียน เป็นการตรวจโครงสร้างการถือหุ้นและการรายงานผู้ถือหุ้นทุก 5% ตามกฎหมาย ไม่เกี่ยวกับผลประกอบการหรือการซื้อขายหุ้นในตลาด พร้อมย้ำยังไม่เปิดเผยรายชื่อจนกว่ากระบวนการตรวจสอบจะสิ้นสุด

KEY

POINTS

  • ก.ล.ต. ชี้แจงว่าการตรวจสอบบริษัทจดทะเบียน (บจ.) มุ่งเน้นที่โครงสร้างการถือหุ้น ไม่ใช่การดำเนินงานทางธุรกิจ
  • ประเด็นหลักในการตรวจสอบคือการรายงานการได้มาหรือจำหน่ายหลักทรัพย์ทุก 5% และการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์การเข้าครอบงำกิจการ
  • หากพบว่ามีการไม่รายงานผู้ถือหุ้นที่แท้จริง (ultimate beneficial owner) หรือไม่ทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์เมื่อถึงเกณฑ์ จะถือว่ามีความผิดและจะถูกดำเนินการตามกฎหมาย

ตามที่มีมีการสอบถามเกี่ยวกับการตรวจสอบบริษัทจดทะเบียน (บจ.) จำนวนหนึ่ง นั้น ก.ล.ต. ขอให้ข้อมูลว่า ในกระบวนการตรวจสอบของ ก.ล.ต. จะไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดที่เป็นชื่อบุคคล ข้อมูลหรือจำนวนบริษัทที่อยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบจนกว่าจะเสร็จสิ้นกระบวนการ จึงจะมีการเปิดเผยให้สาธารณชนทราบเป็นการทั่วไป

โดย ก.ล.ต. ยึดมั่นในการดำเนินการอย่างเท่าเทียม โปร่งใส และเป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย (due process of law)

สำหรับการตรวจสอบของ ก.ล.ต. เป็นการตรวจสอบโครงสร้างการถือหุ้นของบริษัทจดทะเบียนมิได้เป็นการตรวจสอบการดำเนินงานทางธุรกิจ แต่เป็นการตรวจสอบเรื่องการรายงานการได้มาหรือจำหน่ายหลักทรัพย์ทุกร้อยละ 5 และการเข้าถือหลักทรัพย์เพื่อครอบงำกิจการ ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ฯ

ซึ่งหากพบว่าโครงสร้างการถือหุ้นของบริษัทจดทะเบียนใดมีผู้ถือหุ้นที่แท้จริง (ultimate beneficial owner) ที่มิได้รายงานให้ถูกต้องครบถ้วน หรือมีการถือหุ้นมากจนถึงระดับที่เป็นการครอบงำกิจการแต่ยังไม่ได้ทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์จะเข้าข่ายเป็นการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ฯ ซึ่ง ก.ล.ต. จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวไม่ได้เกี่ยวกับผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนโดยตรงและหรือการซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

ที่สำคัญ ก.ล.ต. ทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง ยกตัวอย่างเช่น ก.ล.ต. ประสานความร่วมมือกับสำนักงาน ปปง. โดยที่ สำนักงาน ปปง. ได้มีการอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับฟอกเงินไว้แล้ว

ในขณะที่ ก.ล.ต. สามารถนำข้อมูลที่สำนักงาน ปปง. มีอยู่จากการตรวจสอบมาใช้ในการบังคับใช้กฎหมายตามบทบาทหน้าที่ของ ก.ล.ต. ซึ่งการประสานความร่วมมือนี้ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง และเมื่อมีผลการดำเนินการแล้ว ก.ล.ต. จะเปิดเผยให้สาธารณชนทราบต่อไป