หุ้นไทยเสี่ยงร่วงต่อ! แรงขายยังไม่หมด-ทรัมป์กระทบแรง

08 เม.ย. 2568 | 10:05 น.
อัปเดตล่าสุด :08 เม.ย. 2568 | 10:13 น.

โบรกชี้ ตลาดหุ้นไทยยังเสี่ยงร่วงต่อ แรงขายยังไม่หมด แรงกดดันรุมเร้ารอบด้าน แนะหลีกเลี่ยงหุ้นส่งออก-แบงก์ ชี้กลุ่มบริโภคในประเทศยังพอรับมือได้

หลังจากที่นายโดนัล ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีศุลกากรกับหลายประเทศทั่วโลก ซึ่งไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่โดนขึ้นภาษีในอัตรา 36% จนส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นทั่วโลก โดยหนึ่งในนั้นคือ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่เปิดตลาด ณ วันที่ 8 เม.ย. 68 ติดตบหนัก จากแรงเทขายของต่างชาติจำนวนมาก

โดยเรื่องนี้นายประกิต สิริวัฒนเกตุ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ เมอร์ชั่นพาร์ทเนอร์ จำกัด (มหาชน) ให้สัมภาษณ์กับรายการ ‘ฐานทอล์ค’ ว่า  เป็นการปรับตัวที่ “รุนแรงกว่าที่คาดไว้” โดยตนคาดการณ์ในตอนแรกว่าแนวรับบริเวณ 1,080 จุด น่าจะสามารถประคองสถานการณ์ได้ แต่จากความเป็นจริง แรงซื้อกลับมีน้อย ขณะที่แรงขายยังคงกดดันตลาดอย่างหนักต่อเนื่อง

“จริงๆ ต่อให้ไม่มีประเด็นภาษีตอบโต้ระหว่างประเทศเลย เศรษฐกิจในประเทศเราก็เปราะบางอยู่แล้ว มีโอกาสที่ตลาดจะลงมาต่ำกว่าระดับ 1,100 จุดด้วยซ้ำ พอมาเจอเรื่องนี้เข้าไปยิ่งเป็นตัวเร่งให้สถานการณ์ทรุดลง”

นายประกิต ยังเตือนนักลงทุนว่า ยังไม่ควรมองหาแนวรับในเวลานี้ เนื่องจากสถานการณ์ยังเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อยังมีความเสี่ยงที่อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อาจประกาศขึ้นภาษีสินค้าจีนเพิ่มเติมอีก 50% ซึ่งจะทำให้ยอดรวมภาษีแตะระดับ 104% เท่ากับ “ไม่ค้าขายกันแล้ว”

“จีนประกาศแล้วว่า Fight until the end สู้จนหยดสุดท้าย ถ้าทรัมป์เดินเกมจริง ตลาดจะ Panic หนักกว่านี้อีก ยังไม่มีความชัดเจนพอจะเรียกว่ามีแนวรับได้เลย”

สำหรับหุ้นที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบมากเป็นพิเศษในช่วงนี้ นายประกิตระบุว่า กลุ่มส่งออกโดยตรงไปยังสหรัฐฯ จะได้รับผลกระทบหนัก เช่นเดียวกับกลุ่มธนาคารพาณิชย์ก็เริ่มเหนื่อย เพราะมีแนวโน้มว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อาจจำเป็นต้องปรับลดดอกเบี้ยลงมาต่ำกว่า 1.25% ภายในปีนี้ ซึ่งส่งผลให้แบงก์ที่เคยได้อานิสงส์จากดอกเบี้ยขาขึ้นกลับกลายเป็นแรงถ่วงของตลาดในตอนนี้

ด้านหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์อย่าง DELTA ก็ได้รับผลกระทบแรงเช่นกัน ส่วนกลุ่มที่ยังพอประคองตัวได้ ได้แก่ กลุ่มที่พึ่งพาการบริโภคในประเทศ เช่น ค้าปลีก โรงพยาบาล และสื่อสาร ซึ่งยังถูกมองว่าเป็น Defensive Stock หรือหุ้นที่รับมือความผันผวนได้ดี

เมื่อสอบถามถึงปัจจัยภายในประเทศที่อาจช่วยพยุงตลาดหุ้นได้ นายประกิตกลับมองว่า การพิจารณาร่างกฎหมายการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร (เอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์-Entertainment Complex) ไม่น่าจะเป็นบวกกับตลาด แต่จะกลายเป็นประเด็นกังวลเรื่องการชุมนุมทางการเมืองและความวุ่นวายมากกว่า

“ตอนนี้กลายเป็นว่าทุกอย่างบั่นทอนความเชื่อมั่นในประเทศหมด ถ้ากฎหมายนี้ผ่าน แรงต้านรัฐบาลจะยิ่งเพิ่มขึ้น เพราะประชาชนไม่เห็นด้วย ขณะเดียวกันเศรษฐกิจก็ไม่ดีอยู่แล้ว ก็ยิ่งอ่อนไหว”

ในภาพรวม นายประกิตกล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยยังต้องติดตามหลายปัจจัยสำคัญ โดยเฉพาะการเจรจาการค้าระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ซึ่งขณะนี้ยังไม่แน่ชัดว่าไทยจะถูกเก็บภาษีในอัตราใด ทั้งนี้ เป้าหมายของอเมริกาไม่ใช่แค่ดุลการค้า แต่เขาต้องการรีเซ็ตระบบโครงสร้างการค้าและการลงทุนทั้งระบบ ฉะนั้นมันไม่มีทางจะกลับมาดีกว่าเดิม มีแต่แย่กับแย่มาก

นอกจากนี้ นายประกิตยังเชื่อว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ควรเร่งปรับลดดอกเบี้ย ในการประชุมเดือนเมษายนนี้ และอาจต้องลดต่อเนื่องอีก 3-4 ครั้ง เพื่อพยุงเศรษฐกิจในภาวะที่ความเชื่อมั่นสั่นคลอน และท้ายที่สุด นายประกิตระบุว่า นักลงทุนควรใช้วิจารณญาณอย่างมากในช่วงเวลานี้ ไม่ควรรีบ “เก็บของถูก” เพราะสถานการณ์ยังไม่นิ่ง และยังมีความเสี่ยงที่จะทรุดหนักลงได้อีก โดยเฉพาะหากการเจรจาระหว่างไทย-สหรัฐฯ ไม่สำเร็จหรือถูกตีความลบจากตลาด