SET รับตลาดหุ้นไทยผลตอบแทนสูง ยังน่าสนใจ แม้เผชิญกับความผันผวน

10 ก.พ. 2568 | 10:54 น.
อัปเดตล่าสุด :10 ก.พ. 2568 | 13:35 น.

ตลาดหลักทรัพย์ฯ รับตลาดทุนไทยยังมีความผันผวน นโยบาย "ทรัมป์" ป่วนเศรษฐกิจ สร้างแรงกระเพื่อมถึงตลาดทุนไทย ชี้ความน่าสนใจยังมี ผลตอบแทนเฉลี่ย 3% สูงกว่าภูมิภาค แนะเลือกเล่นหุ้นรายตัว-ลงทุนระยะยาวรับปันผล

นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิด
เผยว่า ต้องยอมรับว่าตลาดหุ้นไทยนับตั้งแต่ต้นปี 68 ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบันมีความผันผวนอยู่มาก จากปัจจัยความไม่แน่นอนทั้งในประเทศและต่างประเทศ เข้ามาสร้างแรงกระทบเป็นระยะๆ

โดยการปรับตัวลดลงของดัชนีตลาดหุ้นนั้นไม่เพียงแค่ตลาดหุ้นไทยเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบ แต่ตลาดหุ้นทั่วเอเชียก็เช่นเดียวกัน แม้ว่าตลาดทุนไทยจะดูเหมือนว่าย่อตัวลงหนักกว่าประเทศอื่นๆ รองลงมาจากประเทศฟิลิปปินส์ แต่อยากให้ไปดูที่ผลตอบแทนตลาดหุ้นไทยที่มีความน่าสนใจมากกว่า ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 3% มากกว่าประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค

ปัจจัยที่มีผลสร้างแรงกดดันต่อตลาดหุ้นไทยหลักๆ ยังเป้นผลมาจากความไม่แน่นอนของนโยบาย "โดนัลด์ ทรัมป์" ที่มีการออกมาปั่นกระแสเป็นระยะๆ โดยมองว่าการปรับขึ้นภาษีนำเข้าใน 3 ประเทศเม็กซิโก แคนาดา และจีน อาจมีผลให้การนำเข้าสินค้ามีราคาสูงขึ้น กระทบต่ออัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ

ขณะที่ปัจจัยภายในประเทศนั้น น้ำหนักตอนนี้คงหนีไม่พ้นเรื่องของการปรับเกณฑ์คำนวนดัชนี SET50 ใหม่ ซึ่งที่ผ่านมาเชื่อว่าตลาดได้ซึมซับข่าวนี้ไปพอสมควรแล้ว อย่างไรก็ดี หากว่าตัดกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี ที่คิดเป็นสัดส่วนกว่า 20-30% ของตลาดทุนไทยออกไป มองว่า SET Index ยังคงมีการเติบโตที่ดีอยู่

"หุ้นไทยหลายตัวก็มีความน่าสนใจ ที่ผ่านมากลุ่มส่งออกและท่องเที่ยวค่อนข้างทำผลงานออกมาได้ดี Earning อยู่ในระดับที่แข็งแกร่งและยังมีแนวโน้มที่ดีต่อเนื่องในปีนี้ แต่อย่างไรก็ดี การลงทุนมองว่านักลงทุนอาจต้องไปพิจารณาเลือกเล่นเป็นรายตัวที่มีปัจจัยรองรับและมีอนาคต ขณะเดียวกันหุ้นปันผลดีก็เป็นอีกกลุ่มที่มีความน่าสนใจโดยเฉพาะการลงทุนในระยะยาว"

มุมมองเศรษฐกิจ-ตลาดหุ้น

จากการกล่าวสุนทรพจน์หลังพิธีสาบานตนในวันแรกของการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่ 2 โดนัลด์ ทรัมป์ เปิดฉากสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อสหรัฐฯ และทั่วโลก โดย IMF มีมุมมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะมีความแข็งแกร่งมากขึ้น แต่มีความเสี่ยงด้านลบในประเทศอื่นๆ จากความไม่แน่นอนของนโยบายที่เปลี่ยนแปลงไปจะทำให้ธนาคารกลางต่างๆ ใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายได้ยากขึ้น

ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้น และค่าเงินดอลลาร์มีแนวโน้มแข็งค่า ทั้งนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่เงินลงทุนกระจุกตัวอยู่ในหุ้น AI เพียงไม่กี่ตัว มีโอกาสเกิดปรับฐานครั้งใหญ่ อีกทั้งความไม่แน่นอนเชิงนโยบาย มีโอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) อาจต้องปรับมาใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเร็วกว่าคาด ส่งผลต่อทิศทางฟันด์โฟลว์เคลื่อนย้ายออกจากสหรัฐฯ กลับมายัง Emerging Market

สรุปภาวะตลาดหุ้นไทย เดือนมกราคม 2568

รวมไปถึงตลาดหุ้นไทยยังมีความน่าสนใจจากการที่เป็นตลาดที่มีความผันผวนต่ำ โดยพิจารณาจากค่า End of day volatility ของ SET Index สาเหตุหนึ่งมาจากเป็นตลาดหุ้นที่มีอัตราผลตอบแทน dividend yield สูงอย่างต่อเนื่อง โดยค่าเฉลี่ยย้อนหลังตั้งแต่ปี 2000 ถึงปัจจุบันอยู่ที่ 3.14% จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการกระจายการลงทุนไปในสินทรัพย์ที่มีลักษณะ Defensive Stock

สรุปภาวะตลาดหุ้นไทยเดือนม.ค.68

สำหรับภาวะตลาดหลักทรัพย์ไทย ณ สิ้นเดือนม.ค. 68 นั้น SET Index ปิดที่ 1,314.50 จุด ทำให้ในเดือนแรกปี 68 SET Index ปรับลดลง 6.1% โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีกว่า SET Index เมื่อเทียบกับสิ้นปี  2567 ได้แก่ กลุ่มการเงิน และกลุ่มพลังงาน

ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันใน SET และ mai อยู่ที่ 39,006 ล้านบาท ลดลง 17.2% จากเดือนมกราคม 2567 อย่างไรก็ตาม เห็นสัญญาณเกี่ยวกับมูลค่าการซื้อขายผู้ลงทุนสถาบันในประเทศเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับสูงกว่า 10% ของมูลค่าซื้อขายทั้งหมด สี่เดือนต่อเนื่อง 

ในด้าน Forward P/E ของตลาดหลักทรัพย์ไทย ณ สิ้นเดือนม.ค. 68 อยู่ที่ระดับ 15.0 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 12.6 เท่า และ Historical P/E อยู่ที่ระดับ 17.7 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 14.2 เท่า

อัตราเงินปันผลตอบแทน ณ สิ้นเดือนม.ค. 68 อยู่ที่ระดับ 3.64% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ 3.28% ทั้งนี้ ในช่วงเดือนม.ค. 68 มีบริษัทเข้าจดทะเบียนใหม่ซื้อขายใน mai จำนวน 1 หลักทรัพย์ ได้แก่ บมจ. โปร อินไซด์ (PIS) เป็นต้น

ส่วนภาวะตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) เดือนม.ค. 68 นั้น มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 391,493 สัญญา ลดลง 27.3% จากเดือนก่อน ที่สำคัญจากการลดลงของ Single Stock Futures และ SET50 Index Futures ทำให้ในปี 2568 มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 391,493 สัญญา ลดลง 27.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่สำคัญจากการลดลงของ Single Stock Futures และ SET50 Index Futures