HMPRO ไตรมาส 1/67 กำไรพุ่ง 1.7 พันล้าน โต 6.3%

02 พ.ค. 2567 | 06:28 น.

โบรกลงเสียงมองบวก HMPRO กำไรที่สูงที่สุดในอุตสาหกรรมการค้าปลีกของไทย แนะนำ "ซื้อ" เป้าหมาย 15.30-15.70 บาท หลังประกาศงบไตรมาส 1/67 กำไรสุทธิพุ่ง 1.71 พันล้าน โต 6.31% จากปีก่อน รับอานิสงส์ Easy E-Receipt ของภาครัฐ และการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย หนุนยอดขายไตรมาสแรกบวก 3%

บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ผลงานไตรมาส 1/2567 ของ HMPRO กำไรหลักโตขึ้น 6% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน และดีกว่า BB consensus เล็กน้อย HMPRO รายงานกำไรหลักที่ 1.7 พันล้านบาท เติบโต 6% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน และเพิ่มขึ้น 2% จากไตรมาสก่อน ซึ่งสูงกว่า Bloomberg consensus 3% ยอดขายสาขาเดิม (SSS) ลดลง 2% ในไตรมาสนี้ จากแนวโน้มการบริโภคที่ชะลอตัว ในประเทศไทย

โดยยอดขายเพิ่มขึ้น 2% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน เป็น 18.1 พันล้านบาท เนื่องจาก HMPRO เพิ่มสาขา 8 แห่งในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา สิ้นสุดไตรมาส 1/2567 ที่ 128 แห่ง ในส่วนของ Mega Home (ส่วนแบ่งรายได้ 20%) SSS ลดลง 4% อัตรากำไร ขั้นต้นขยายตัว 0.1ppt เป็น 26.2% เนื่องจาก HMPRO สามารถเพิ่มสัดส่วนรายได้ house brand ในกลุ่ม Mega Home ซึ่งเพิ่มขึ้น 2ppt เมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน เป็น 21% ในไตรมาส 1/2567

ทางฝ่ายประเมินอัตรากำไรขั้นต้นของผลิตภัณฑ์เฮาส์แบรนด์สูงกว่าผลิตภัณฑ์อื่นๆ ประมาณ 10% ค่าใช้จ่าย SG&A ต่อรายได้รวมค่อนข้างคงที่ที่ 18.1% เนื่องจากไม่มี ร้านค้าใหม่เพิ่มในไตรมาสนี้ โดยปกติแล้วร้านค้าใหม่อาจมีค่าใช้จ่ายก่อนเปิดดำเนินการจำนวนมากในระยะแรก จากปัจจัยที่กล่าวมาทำให้ทางฝ่ายคงคำแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 15.30 บาท หุ้นซื้อขายที่ 19.8x 2024F P/E ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 30x มองว่า HMPRO มีความชัดเจนด้านกำไรที่สูงที่สุดในอุตสาหกรรมการค้าปลีกของไทย (โดยเฉพาะท่ามกลางแนวโน้มการบริโภคที่ชะลอตัว) และด้วย valuation ที่ถูก ทำให้หุ้นมีความน่าสนใจ

ขณะที่ บริษัทหลักทรัพย์ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) ระบุว่า HMPRO รายงานกำไรไตรมาส 1/2567 ที่ 1.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.3% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน และ 2.1% จากไตรมาสก่อน ซึ่งเป็นไปที่ทางฝ่ายและตลาดคาด ได้แรงหนุนจากยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงขึ้น ทางฝ่ายคาดการณ์ว่า HMPRO จะได้อานิสงค์ จากการอนุมัติงบประมาณปี 2567 และราคาเหล็กที่สูงขึ้น คาดว่ากำไรของ HMPRO จะเติบโต 6.6% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน ทางฝ่ายยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อ ROE และอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่สูงของ HMPRO และคงคำแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมายที่ 15.70 บาท

นางสาววรรณี จันทามงคล รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายบัญชีและการเงิน บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO เปิดเผย  ในไตรมาส 1/2567 บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,712.84 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 101.72 ล้านบาท หรือ 6.31% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน หลักๆ เป็นผลมาจากรายได้รวมที่เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 18,787.58 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 535.72 ล้านบาท หรือ 2.94% ที่ได้รับอานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ Easy E-Receipt ของภาครัฐ ในช่วง 1 มกราคม ถึง 15 กุมภาพันธ์ รวมถึงการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายทั้งช่องทางสาขาและออนไลน์อย่างต่อเนื่อง

ส่งผลเชิงบวกให้ทั้งรายได้จากสัญญาที่ทำกับลูกค้า รายได้ค่าเช่า และรายได้อื่น มีการเติบโตที่มากขึ้น ขณะที่กำไรขั้นต้นจากการขายสินค้า และการให้บริการลูกค้า (Home Service) ในไตรมาส 1/2567 รวมจำนวน 4,635.33 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 142.87 ล้านบาท หรือ 3.18% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยอัตรากำไรขั้นต้นต่อยอดขาย เพิ่มขึ้นจาก 26.08% ในปีก่อน มาอยู่ที่ 26.24%  ซึ่งเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงส่วนผสมของกลุ่มสินค้าที่มีอัตรากำไรสูง รวมถึงการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ และการได้รับส่วนลดจากคู่ค้าที่เพิ่มขึ้นทั้งในส่วนของธุรกิจ โฮมโปรและเมกาโฮม

HMPRO ไตรมาส 1/67 กำไรพุ่ง 1.7 พันล้าน โต 6.3%

ในช่วงไตรมาส 1/2567 ที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยยังคงชะลอตัว สืบเนื่องมาจากความกดดันต่างๆ ทั้งในเรื่องของอุปสงค์โลกที่ยังไม่ฟื้นตัว ซึ่งส่งผลต่อการหดตัวของภาคการผลิตอุตสาหกรรมและภาคการส่งออก อัตราดอกเบี้ยและสัดส่วนหนี้ครัวเรือนซึ่งยังคงอยู่ในระดับสูง รวมถึงการเบิกจ่ายงบประมาณ 2567 ที่ล่าช้าของภาครัฐบาล ทำให้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ยังไม่ได้มีการถูกบังคับใช้อย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม การบริโภคของภาคเอกชนยังคงมีการขยายตัว สืบเนื่องจากการเติบโตของภาคการท่องเที่ยว ซึ่งยังคงเป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในช่วงไตรมาส 1 ที่ผ่านมา

ในด้านการผลักดันยอดขายสินค้า และบริการ บริษัทได้มีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง ผ่านช่องทางสาขาและออนไลน์ เพื่อกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยของลูกค้า รวมถึงบริษัทยังคงมีแผนการจัดงาน HomePro Super Expo ที่สาขาในช่วงเดือนเมษายน และกิจกรรมส่งเสริมการขายอื่นๆ ตลอดทั้งปี เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางการตลาด และมีการวางกลยุทธ์ในการดำเนินงานอย่างเหมาะสม เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายในด้านต่างๆ ทั้งในส่วนการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมและรายได้รวม การเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้น การเพิ่มสัดส่วนสินค้า Private Brand การจัดการสินค้าคงคลังอย่างมีประสิทธิภาพ

และการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน ส่งผลให้บริษัทมีรายได้รวมเติบโตขึ้น 2.94% และกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 6.31% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน สำหรับการขยายสาขาในไตรมาส 1/2567 บริษัทยังไม่ได้มีการเปิดสาขาใหม่ จึงทำให้ ณ สิ้นไตรมาส 1/2567 บริษัทยังคงมีโอมโปร จำนวน 89 สาขา โฮมโปรเอส จำนวน 5 สาขา เมกาโฮม จำนวน 27 สาขา และโฮมโปรที่ประเทศมาเลเซีย จำนวน 7 สาขา