นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากการที่ JP Morgan ได้มีการปรับลดคำแนะนำการลงทุนของหุ้น BBL และ KTB ลง จากเดิม Overweight เป็น Neutral นั้น มองสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกันกับบริษัทหลักทรัพย์ของต่างประเทศหลายๆ แห่งที่ในช่วงที่ผ่านมาเริ่มทยอยปรับคำแนะนำหุ้นกลุ่มแบงก์ของไทยลง หรือเป็นไปตามวัฎจักร
โดยปัจจัยหลักจากการคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นน่าจะถึงจุดสิ้นสุดแล้วในช่วงไตรมาส 4/66 หรือไตรมาส 1/67 และคาดว่าในปีนี้ประเทศไทยมีโอกาสเห็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงแน่เพียงแต่จะช้าหรือเร็วเท่านั้น ส่งผลให้หลายฝ่ายมองว่าจะกระทบต่อส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (Nim) ของกลุ่มแบงก์ที่มีแนวโน้มลดลง สะท้อนต่อผลกำไรที่หดตัวลง
ตอนนี้คงมีเพียง TTB เท่านั้นที่ยังไม่มีแรงกดดันของการปรับลดผลประกอบการลง ส่วนที่ได้รับการปรับลดประมาณการผลประกอบการไปแล้วในช่วงที่ผานมาได้แก่ SCB KBANK KTB และ BBL เป็นต้น ก็ต้องยอมรับว่าตลอด 2 ปีที่ผ่านมาที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ในโซนขาขึ้นเป็นบวกกับกลุ่มแบงก์มาค่อนข้างมากแล้ว ในปี 67 เองมองว่าการเติบโตนั้นยังคงดี เพียงแต่คงไม่สูงเมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน
นอกจากนี้ จากราคาหุ้นกลุ่มแบงก์ที่ปรับตัวลดลงมาในวันนี้ (15 มี.ค.67) มองว่าส่วนหนึ่งเป้นผลมาจากความกังวลใจของนักลงทุนที่มีแต่หุ้นกลุ่มแบงก์ ที่มีความเสี่ยงจากกรณีที่บริษัทก่อสร้างรายใหญ่อย่าง ITD มีข่าวเรื่องของการขาดสภาพคล่องทางการเงิน ทำให้เป็นกังวลต่อความสามารถในการชำระหนี้คืนแบงก์ รวมถึงการตั้งสำรองหนี้สูญของแบงก์ที่ต้องเพิ่มสูงขึ้นด้วยหรือไม่
ส่วนการปรับตัวลดลงของดัชนี SET Index วันนี้ ทางฝ่ายมองว่าการแกว่งตัวของดัชนียังไม่ได้ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ภาพที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยดูเหมือนจะฟื้นตัวได้แต่ก็ไม่สุดนั้น เพราะการฟื้นตัวเกิดขึ้นแบบไม่เท่าเทียม การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในปีนี้นั้นไปอยู่ในกลุ่มการท่องเที่ยว การบริการ การแพทย์ ค้าปลีก และอาหาร เป็นหลัก
กลยุทธ์การลงทุนในสัปดาห์หน้า 18-22 มีนาคม 67 แนะนำหุ้นได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของไทย รวมถึงกลุ่มที่ได้รับผลบวกจากเงินบาทที่อ่อนค่า ได้แก่ AOT ERW CPAXT CPALL BTG MAJOR BDMS เป็นต้น โดยกลุ่มอาหารมองว่าปีนี้จะเทิร์นอะราวด์ เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาได้รับผลกระทบจากเรื่องหมูเถื่อน และต้นทุนเลี้ยงที่สูง แต่ในปีนี้สถานการณ์หลายอย่างคลายตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้นแล้ว
นอกจากนี้ มองว่าจากการผลักดันการลงทุนของภาครัฐทำให้คาดว่าจะเห็นการฟื้นตัวของกลุ่มก่อสร้างด้วยเช่นเดียวกัน แนะนำ CK STEC
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์หน้านั้น มองว่ามีแนวโน้มที่เป็นบวก แนวรับที่ระดับ 1380 จุด และแนวต้านที่ 1440-1450 จุด โดยจากภาพเงินเฟ้อในสหรัฐฯที่ไม่ค่อนดี มี Valuation แพง ส่งผลให้กระแสเงินลงทุนของต่างชาติจะเกิดการเคลื่อนย้ายการลงทุนไปยังตลาดเกิดใหม่ในเอเชียและไทย เงินเฟ้อจีนกลับมาเป็นบวกได้ในรอบหลายเดือนสะท้อนต่อภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน