เมื่อวันที่ 4 มี.ค. มีการเปิดให้ซื้อขายหุ้นที่ถูกขึ้นเครื่องหมาย SP จำนวน 3 หลักทรัพย์ ได้แก่ JKN, MILL และ MILL-W7 เป็นเวลา 25 นาที ตั้งแต่เปิดตลาดจนถึงเวลา 10.25 น. ตลาดหลักทรัพย์จึงสั่งพักการซื้อขายหุ้น 2 ตัวและ MILL-W7 ตามเดิม
จากากรตรวสอบพบว่า หุ้น JKN หลังมีการปลดป้าย SP มีการซื้อขายกันที่ราคา 0.67 บาท -0.07 บาท หรือ -9.46% มูลค่าการซื้อขาย 5.19 ล้านบาท หุ้น MILL มีการซื้อขายกันที่ราคา 0.30 บาท -0.02 บาท หรือ -6.25% มูลค่าการซื้อขาย 0.83 ล้านบาท หุ้นลูก MILL-W7 ซื้อขายกันที่ราคา 0.04 บาท -0.01 บาท หรือ -20.00% มูลค่าการซื้อขาย 0.27 ล้านบาท รวมมูลค่าการซื้อขายทั้ง 3 หลักทรัพย์ 6.29 ล้านบาท
ต่อมาตลาดหลักทรัพย์ฯได้ทำการยกเลิกการซื้อขายที่จับคู่ได้ในช่วงเวลาดังกล่าวทั้งหมด ก่อนจะมีการเรียกบริษัทหลักทรัพย์มาเพื่อชี้แจงความผิดพลาดที่เกิดขึ้น และขอให้โบรกเกอร์ทำความเข้าใจกับลูกค้า โดยตลาดหลักทรัพย์ฯจะเยียวยาความเสียหายที่เกิดจากความผิดพลาดดังกล่าวทุกรายการ และตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังคงขึ้นเครื่องหมาย SP หยุดพักการซื้อขายหุ้นดังกล่าวต่อไป
กระทั่งวันที่ 5 มี.ค.2567 ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) แจ้งว่าได้มีการทำ error ปลดเครื่องหมาย SP (Trading Suspension) หุ้นบริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ JKN, บริษัท มิลล์คอน สตีล จำกัด (มหาชน) หรือ MILL, ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท มิลล์คอน สตีล จำกัด (มหาชน)หรือ MILL-W7 เป็นเวลา 25 นาที ส่งผลให้มีการจับคู่การซื้อขาย (Matching) หลายรายการ
นายรองรักษ์ พนาปวุฒิกุล รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานกฎหมาย และหัวหน้ากลุ่มงานเลขานุการองค์กรและกำกับองค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลท.เตรียมพิจารณาจ่ายเงินชดเชยให้กับผู้ได้รับผลกระทบจากความผิดพลาดของระบบที่ไปปลดเครื่องหมาย SP หุ้น บมจ.มิลล์คอน สตีล (MILL) และบมจ.เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป (JKN) เช้าวานนี้ (4 ม.ค.) ทั้งๆที่ ตลท.ขึ้น SP หุ้นทั้ง 2 ตัวเพื่อห้ามการซื้อขายตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.67 เนื่องจากไม่ส่งงบการเงินปี 2566 โดยระบบได้เปิดให้ซื้อขายหุ้น MILL และ JKN เพียงช่วง 20 นาทีแรกเท่านั้น ก่อนที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะสั่งยุติการซื้อขายในหุ้นทั้ง 2 ตัว
ขณะที่หุ้นอื่นๆที่ขึ้น SP ได้แก่ บมจ.กรุ๊ปลีส (GL), บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ (ITD), บมจ.กุลธรเคอร์บี้ (KKC) ไม่ได้ถูกเปิดให้ซื้อขายเหมือนกับกรณีของ JKN และ MILL มีเพียง บมจ.เพาเวอร์ไลน์ เอ็นจิเนียริ่ง (PLE) ที่ ตลท.อนุญาตให้กลับมาซื้อขายได้ตามปกติหลังจากส่งงบการเงินปี 2566 แล้ว
ตลท.ยอมรับว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดจากความไม่เข้าใจในคำสั่งของระบบจับคู่คำสั่งซื้อขาย หรือ NASDAQ MME ทำให้เกิดความผิดพลาดในการส่งคำสั่งออกไป อย่างไรก็ตาม จากการหารือกับบริษัทหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์) ในเรื่องของความเสียหายของลูกค้าที่เกิดขึ้น จากการตรวจสอบพบว่าในช่วงเวลา 20 นาทีมีมูลค่าการซื้อขายรวมประมาณ 6 ล้านบาท เชื่อว่ามูลค่าความเสียหายน่าจะไม่เกินจำนวนนี้
"เรายืนยันว่าระบบของ NASDAQ นั้นดี แต่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังไม่คุ้นเคยกับระบบ จากนี้จะเพิ่มความระมัดระวัง และทำความเข้าใจกับระบบ รวมถึงพูดคุยกับทาง NASDAQ เพิ่มเติม ซึ่งขอย้ำว่าจะไม่ให้เกิดกรณีแบบนี้ขึ้นอีก"นายรองรักษ์กล่าว