SPALI เผยไตรมาส 1/67 เปิด 14 โปรเจ็กต์ใหม่ปั้มยอด แบ็กล็อกหนา 1.57 หมื่นล้าน

21 ก.พ. 2567 | 06:02 น.

SPALI กางแผนไตรมาส 1/67 เปิดตัว 14 โครงการใหม่ มูลค่ากว่า 1.49 หมื่นล้าน หนุนยอดขายเติบโตได้ดีต่อเนื่อง อวดแบ็กล็อกในมือกว่า 1.57 หมื่นล้าน คาดรับรู้รายได้ในปีนี้กว่า 1.3 หมื่นล้าน หนุนผลงานเข้าเป้า

KEY

POINTS

  • SPALI ม.ค.-ก.พ. เปิด 5 โครงการใหม่ มูลค่ากว่า 8.25 พันล้าน จากแผนไตรมาส 1/67 เปิด 14 โครงการ
  • SPALI อวดแบ็กล็อกดหนา 1.57 หมื่นล้าน คาดรับรู้ในปี 67 กว่า 1.35 หมื่นล้าน
  • SPALI เล็งออกหุ้นกู้ชุดใหม่ ทดแทนชุดเดิมที่ใกล้ครบกำหนดชำระราว 2 พันล้าน

นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ SPALI เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 1/2567 บริษัทวางเป้าหมายเปิดตัวโครงการใหม่ราว 14 โครงการมูลค่ารวม 14,990 ล้านบาท โดยในช่วงเดือนมดราคมและกุมภาพันธ์ 2567 บริษัทได้เปิดตัวโครงการใหม่ไปแล้ว 5 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 8,250 ล้านบาท ซึ่งเข้ามาช่วยกระตุ้นยอดขายใหม่ในช่วงต้นไตรมาส 1/2567 ได้ค่อนข้างดีกว่าเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ที่เป็นโลวซีซันของธุรกิจ ประกอบกับเศรษฐกิจที่ชะลอตัวทำให้ยอดขายในเดือนธันวาคม 2566 ไม่กระเตื้องนัก

ขณะที่ยอดการเยี่ยมชมโครงการ (Walk-in) ในช่วงเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ 2567 ก็มีทิศทางที่ดีขึ้น กลับมาอยู่ในระดับที่เป็นปกติ ใกล้เคียงเมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน และดีกว่าเมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2566 ที่เป็นโลวซีซัน โดยคาดว่าในไตรมาส 1/2567 อัตราการเข้าเยี่ยมชมโครงการจะมีการขยายตัวที่ดี และต่อเนื่องไปในไตรมาส 2/2567 นี้อีกด้วย

ปัจจุบันบริษัทมียอดขายโครงการที่รอการโอนกรรมสิทธิ์ในมือ (Backlog) ประมาณ 15,700 ล้านบาท เบื้องต้นคาดว่าจะทยอยโอนกรรมสิทธิ์และรับรู้เข้ามาเป็นรายได้ในปี 2567 ประมาณ 13,503 ล้านบาท ที่เหลือจะรับรู้ในปี 2568 และ 2569 อีกราว 882 ล้านบาท และ 1,315 ล้านบาท ตามลำดับ

ทั้งนี้ ในปี 2567 ตั้งเป้าหมายการเติบโตของยอดขายไว้ที่ 36,000 ล้านบาท และเป้าหมายรายได้รวม 36,000 ล้านบาท มีแผนเปิดโครงการใหม่ จำนวน 42 โครงการ มูลค่ารวม 50,000 ล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 38 โครงการ มูลค่ารวมราว 43,500 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 4 โครงการ มูลค่ารวม 6,500 ล้านบาท ครอบคลุมทุกโปรดักต์ ทุกเซ็กเมนต์ระดับราคารองรับทุกความต้องการ และถือเป็นปีที่ตัวเลขทุบสถิติเปิดตัวโครงการใหม่สูงที่สุด มูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์

ประเด็นการเปิดประเทศและนโยบายฟรีวีซ่านักท่องเที่ยวจีนถาวรนั้น มองว่าจะเข้ามาช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวไทยได้มากขึ้น รวมถึงการเลือกซื้อที่อยู่อาศัยของต่างชาติ ทั้งนี้ สัดส่วนลูกค้าต่างชาติของบริษัทมีอยู่ที่เฉลี่ยราว 8-10% ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายอื่นๆ เนื่องจากผลิตภัณฑ์ที่บริษัทมีส่วนใหญ่เน้นไปที่แนวราบ ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ต่างชาติยังซื้อครอบครองไม่ได้ แต่อย่างไรก็ดี โครงการ ไอคอนสยาม ที่เป็นคอนโดระดับลักซ์ชูรี่ ได้รับการตอบรับที่ค่อนข้างดี และคาดว่าในปีนี้สัดส่วนยอดขายต่างชาติจะเติบโตได้มากขึ้นแน่

ส่วนเงินลงทุนในปี 2567 บริษัทวางงบลงทุนรองรับการจัดซื้อที่ดินใหม่ไว้ที่ประมาณ 8,000 ล้านบาท เพื่อรอพัฒนาโครงการใหม่ๆ ในอนาคต ขณะที่งบลงทุนรองรับการก่อสร้างโครงการปีนี้วางไว้ที่ราว 12,500 ล้านบาท ขณะเดียวกันในช่วงไตรมาส 1/2567 บริษัทมีแผนพิจารณาออกหุ้นกู้ชุดใหม่ เพื่อนำมาทดแทนชุดเดิม มูลค่ากว่า 2,000 บาท ที่กำลังจะครบกำหนด