โบรกชี้กำไรบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 1/67 แตะ 2.69 แสนล้าน

18 พ.ค. 2567 | 03:12 น.

กูรู คาด SET Index อยู่ระหว่างยืนยันการเริ่มปรับประมาณการ ผลประกอบการไตรมาส 1/2567 ของบริษัทจดทะเบียน มีกำไร 269,214 ล้านบาท เติบโต 1.7% จากปีก่อน ชี้ บรรจุภัณฑ์ สื่อสาร การเงิน ค้าปลีก มีสัญญาณของการปรับประมาณการกำไรขึ้น

นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวม SET Index อยู่ระหว่างยืนยันการเริ่มปรับประมาณการ ผลประกอบการไตรมาส 1/2567 ของบริษัทจดทะเบียน จำนวน 815 แห่ง คิดเป็น 97.6% ของบริษัทจดทะเบียนรวม มีกำไร 269,214 ล้านบาท เติบโต 1.7% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน ค่อนข้างทรงตัว

โดยกลุ่มที่มีสัญญาณของการปรับประมาณการกำไรขึ้นในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ได้แก่ 1) บรรจุภัณฑ์ 2) สื่อสาร 3) การเงิน 4) ค้าปลีก เป็นต้น ส่วนกลุ่มที่กำไรทรงตัว หรือไม่พบการปรับประมาณการอย่างมีนัยสำคัญ ได้แก่ 1) พลังงาน 2) ธนาคาร 3) การแพทย์ ด้านกลุ่มที่มีสัญญาณของการ turnaround แต่ยังต้องติดตามการฟื้นตัว ได้แก่ 1) อาหาร 2) ปิโตรเคมี

ทั้งนี้ ภาพรวมประมาณการของหุ้นขนาดใหญ่ 3 กลุ่ม (พลังงาน ธนาคาร การแพทย์) ที่ไม่เปลี่ยนแปลง ทำให้ประมาณการกำไรของ SET Index ยังทรงตัว อย่างไรก็ตาม ทางฝ่ายมองการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณในช่วงไตรมาส 3/2567 และการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงไตรมาส 4/2567 ทั้งจากการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำและ Digital wallet จะเป็นปัจจัยหนุนการปรับเพิ่มของกำไรบริษัทจดทะเบียน ซึ่งจะเป็นสัญญาณยืนยันการฟื้นตัวของหุ้นไทยในช่วงต่อไป

ความผันผวนในช่วงเดือนพฤษภาคม และมิถุนายน 2567 ทางฝ่ายมองว่าเป็นโอกาสทยอยเข้าลงทุน โดยยังไม่เห็นปัจจัยลบทางพื้นฐานที่ชัดเจน ทั้งนี้ การชะลอตัวลงของเงินเฟ้อ และโอกาสลดดอกเบี้ยของเฟดที่สูงขึ้น มีแนวโน้มทำให้นักลงทุนบางส่วนอาจตัดสินใจเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตลาดตราสารหนี้ และลดน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้น ซึ่งจะเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ตลาดผันผวนในช่วง 1 เดือนข้างหน้า แต่มองปัจจัยดังกล่าวจะเปิดโอกาสลงทุนที่ดีในรอบ 12-18 เดือนหน้า

ภาพรวมกลยุทธ์ เพิ่มความระวัง แม้บรรยากาศลงทุนรายตัวยังเป็นบวก การเก็งกำไรเน้นหุ้นที่ยังขึ้นน้อยกว่าตลาด (laggards) และควรกำหนดจุดตัดขาดทุนรวมถึงเป้าขายทำกำไร แม้ว่าทางฝ่ายจะยังชื่นชอบกลุ่มอาหาร เนื้อสัตว์ อาหารสัตว์เลี้ยง แต่อาจระวังแรงทำกำไรระยะสั้นหลังงบออกมาดีตามคาด และจากเงินบาทที่เริ่มกลับมาแข็งค่าระยะสั้น

สำหรับหุ้นแนะนำ ได้แก่ SCGP, KCE, GUNKUL และ SAMART ทั้งนี้ ประเมิงกรอบดัชนีตลาดหุ้นไทยไว้ที่แนวรับระดับ 1,349-1,359 จุด และกรอบดัชนีแนวต้านที่ระดับ 1,380-1,390 จุด

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ในเชิงกลยุทธ์การลงทุนนั้น ฝ่ายวิจัยยังแนะทยอยสะสมเช่นเดิมด้วยระดับ Valuation ที่น่าสนใจ ประกอบกับปัจจัยพื้นฐานมีสัญญาณที่เป็นบวกจากการขยายตัวของเศรษฐกิจในครึ่งหลังปี 2567

แนะนำ กลุ่มค้าปลีก (CPALL DOHOME GLOBAL HMPRO), ท่องเที่ยว (AOT CENTEL MINT), ธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK
KTB SCB), ศูนย์การค้า (CPN), เครื่องดื่ม (CBG ICHI TACC), การเงิน (MTC SAWAD TIDLOR), ส่งออก (ITC TU) และ ขนส่ง
(BEM) เป็นต้น