NL ยิ้มกว้าง เปิดเทรดวันแรกราคาบวก 46.92%

20 ก.พ. 2567 | 07:03 น.
อัปเดตล่าสุด :20 ก.พ. 2567 | 07:11 น.

NL ราคาเปิดเทรดวันแรกพุ่ง 46.92% จากราคาไอพีโอ 2.60 บาท อวดแบ็กล็อกหนา 2.1 พันล้าน รับรู้รายได้ปี 67-68 พร้อมเร่งเครื่องประมูลงานรัฐ-เอกชน ใหม่อีก 2-3 โปรเจ็กต์

บริษัท เอ็นแอล ดีเวลลอปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ NL เข้าซื้อขายเป็นวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในกลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง (PROPCON) หมวดธุรกิจบริการรับเหมาก่อสร้าง (CONS) โดยราคาเปิดการซื้อขายแรกวันนี้ (20 ก.พ.67) อยู่ที่ระดับ 3.82 บาท เพิ่มขึ้น 1.22 บาท เปลี่ยนแปลง 46.92% จากการราคาจองซื้อ (IPO) ที่ระดับ 2.60 บาท

NL ยิ้มกว้าง เปิดเทรดวันแรกราคาบวก 46.92%

นายศรันย์ โรจน์เลิศจรรยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็นแอล ดีเวลลอปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ NL เปิดเผยว่า จากราคาเปิดทำการซื้อขายเป็นวันแรกในวันนี้ (20 ก.พ.67) ค่อนข้างเป็นที่น่าพอใจอย่างมาก เพราะช่วยสะท้อนถึงการตอบรับที่ดีของนักลงทุน ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทได้พยายามให้ข้อมูลกับนักลงทุนเพื่อสร้างความรู้และความเข้าใจถึงธุรกิจ สร้างความเชื่อมั่นในการดำเนินธุรกิจ รวมถึงความเป็นเอกเฉพาะของบริษัทได้

โดย NL มีจุดเด่นด้านประสบการณ์และความเชี่ยวชาญงานรับเหมาก่อสร้างที่สั่งสมมามากกว่า 40 ปี ให้บริการงานก่อสร้างหลากหลายประเภทและมีความเชี่ยวชาญพิเศษ โดยเฉพาะงานก่อสร้างที่มีความซับซ้อน รวมถึงงานอาคารสถานพยาบาลที่สอดรับกับเมกะเทรนด์ด้านเฮลท์แคร์ อีกทั้งยังได้นำเทคโนโลยี BIM (Building Information Modeling) มาช่วยในขั้นตอนการออกแบบก่อสร้าง ทำให้การวิเคราะห์ การควบคุมงานออกแบบ การก่อสร้างเป็นไปอย่างมีมาตรฐาน คุณภาพและประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

ส่งผลให้ NL มีอัตราการเติบโตอย่างโดดเด่น โดยเฉพาะกำไรสุทธิ อีกทั้งไม่มีภาระเงินกู้ยืมและดอกเบี้ยจ่าย รวมถึงมีกระแสเงินสดแข็งแรง และจากหลักเกณฑ์ที่ตลาดหลักทรัพย์กำหนดในการติด Silent Period ห้ามขายหุ้นในสัดส่วน 55% ของทุนชำระแล้วหลัง IPO เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุน กลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมของ NL ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ก่อตั้ง มีความมั่นใจในการเติบโต พร้อมใจร่วมกัน Lock up หุ้นเดิมทั้งหมด 100% เป็นระยะเวลา 2 เดือน

ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทยังมีงานในมือที่รอการทยอยส่งมอบ (Backlog) อีกกว่า 2,100 ล้านบาท เบื้องต้นคาดว่าจะเริ่มทยอยรับรู้เข้ามาเป็นรายได้ตั้งแต่ช่วงกลางปี 2567 เป็นต้นไป และต่อเนื่องไปจนถึงปี 2568 ทำให้เชื่อว่าจะเข้ามาช่วยสนับสนุนการเติบโตให้กับผลการดำเนินงานของบริษัทมั่นคงในปีนี้และปีหน้าได้ โดยสัดว่วนพอร์ตคาดว่าในระยะ 2-3 ปีนี้ จะคงระดับสัดส่วนภาครัฐไว้ที่ 70% และเอกชน 30%

ขณะเดียวกันบริษัทยังมีความสนใจและอยู่ระหว่างการพิจารณาร่วมประมูลงานโครงการใหม่ๆ ทั้งจากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนอีกประมาณ 3 โครงการ ซึ่ง 2 ใน 3 เป็นงานโครงการเกี่ยวเนื่องกับโรงพยาบาล

สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุน บริษัทมีแผนนำไปซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์สำหรับดำเนินธุรกิจและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนภายในบริษัทเพื่อรองรับงานก่อสร้างที่เพิ่มมากขึ้นในอนาคต