13 ก.ย.66 หุ้นไทยเปิดตลาด โดยเมื่อเวลา 10.05 น. ดัชนี SET อยู่ที่ระดับ 1,541.06 จุด ปรับลดลง 4.44 จุด หรือ -0.29% มูลค่าการซื้อขาย 4.082.27 ล้านบาท ปรับสูงสุด 1,546.47 จุด และต่ำสุด 1,540.35 จุด
ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงาน เมื่อเวลา 10.25 น. ดัชนีลดลง 94.45 จุดหรือ -0.43% ก่อนที่ล่าสุดเวลา 10.43 น. ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานอยู่ที่ 21,641.73 จุด ลดลง 119.53 จุด หรือ - 0.55% มูลค่าซื้อขาย 2,495.69 จุด
สวนทางราคาน้ำมันดิบที่ปรับขึ้นทำสถิติสูงสุดในรอบ 10 เดือน โดยราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 1.55 เหรียญ (+1.8%) ปิดที่ระดับ 88.84 เหรียญต่อบาร์เรล หลัง OPEC คาดอุปสงค์น้ำมันดิบในปีหน้าจะเพิ่มขึ้น 2.25 ล้านบานเรลต่อวัน และ ครม.วันนี้เตรียมพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และลดค่าครองชีพ โดยลดราคาพลังงานและค่าไฟฟ้า
นายอาทิตย์ จันทร์สว่าง นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรีฯ รายงานภาวะตลาดหุ้นไทยว่า แม้ภาวะตลาดจะได้แรงหนุนจากกลุ่มพลังงานตามราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นหลังกลุ่มโอเปกคาดการณ์ดีมานด์ยังคงแข็งแกร่งในปีนี้และปีหน้า ประกอบกับการประชุม ครม.ในวันนี้เตรียมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและลดค่าครองชีพ
แต่คาดแนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ดัชนี SET แกว่งตัว 1,535-1,555 จุด จากฟันด์โฟลว์ที่ไหลออกต่อเนื่องจากทิศทางดอกเบี้ยเฟดที่ไม่แน่นอนจะกดดันให้ดัชนีหุ้นไทยผันผวน
ล่าสุดเวลา 11.10 น.ดัชนี SET มาอยู่ที่ 1,535.49 จุด ลดลง 10.01 จุด (-0.65%)
โดยมีแรงขาย "หุ้นกลุ่มพลังงาน" นำโดย PTT เพื่อลดความเสี่ยงก่อนที่จะมีการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐในวันนี้
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล, CISA ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยช่วงเช้าปรับตัวลงไปกว่า 10 จุด เป็นไปตามตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย เนื่องจากนักลงทุนเพิ่มความระมัดระวังก่อนจะมีการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐในคืนนี้ หลังจากเก็งว่าเงินเฟ้อยังคงเร่งตัวขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้การประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 19-20 ก.ย.นี้เกิดความไม่แน่นอนมากขึ้น เฟดอาจส่งสัญญาณคุมเข้มนโยบายการเงินมากขึ้นอีกครั้ง
ขณะเดียวกันภาพในทางเทคนิค ดัชนีฯ หลุด 1,540 จุด ทำให้มองเป็นลบมากขึ้น นักลงทุนจึงขายเพื่อลดความเสี่ยงให้แนวรับไว้ที่ 1,530-1,520 จุด และแนวต้าน 1,550 จุด