ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 34.64 บาทต่อดอลลาร์ "แข็งค่าขึ้น” จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 34.78 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทยระบุว่าแนวโน้มค่าเงินบาท เรามองว่า เงินบาทยังคงมีแนวโน้มเคลื่อนไหว Sideways ในกรอบ 34.50-34.90 บาทต่อดอลลาร์ ต่อไป จนกว่าจะมีปัจจัยใหม่ๆ
อย่างไรก็ดี ปัจจัยกดดันเงินบาทในฝั่งอ่อนค่าที่ต้องจับตาใกล้ชิด คือ สถานการณ์การระบาดของ COVID-19 ในจีนที่ยังคงน่ากังวล หลังยอดผู้ติดเชื้อพุ่งสูงขึ้นต่อเนื่อง
หากสถานการณ์การระบาดเลวร้ายมากขึ้น อาทิ ยอดผู้เสียชีวิตพุ่งสูงขึ้นมาก ก็อาจทำให้ทางการจีนกลับมาใช้นโยบายควบคุมการระบาดที่เข้มงวดมากขึ้น ซึ่งสามารถกดดันให้สินทรัพย์ในฝั่งจีนปรับตัวลดลงอีกครั้ง
ส่วนค่าเงินหยวน (CNY) ก็มีโอกาสอ่อนค่าลงได้ ส่งผลกระทบให้สกุลเงินฝั่งเอเชียอาจอ่อนค่าลงตาม ส่วนในวันนี้ หากรายงานยอดการส่งออก (Exports) ของไทยล่าสุด ออกมาแย่กว่าคาดไปมาก จนดุลการค้าขาดดุลหนัก ก็อาจกดดันให้เงินบาทผันผวนในฝั่งอ่อนค่าได้เช่นกัน
อย่างไรก็ดี เราคงประเมินว่า แม้เงินบาทจะมีความเสี่ยงในฝั่งอ่อนค่าอยู่บ้าง แต่มองว่า เงินบาทจะไม่อ่อนค่าทะลุโซนแนวต้านแถว 35.00 บาทต่อดอลลาร์ไปได้ง่ายนัก เนื่องจากผู้เล่นในตลาด อย่างบรรดาผู้ส่งออก
ต่างก็รอจังหวะการอ่อนค่าของเงินบาทในการทยอยขายเงินดอลลาร์ ส่วนผู้เล่นต่างชาติที่ยังคงมีมุมมองเชื่อว่า เงินบาทอาจแข็งค่าขึ้นต่อได้ ก็รอจังหวะในการเพิ่มสถานะ Short USDTHB อยู่บ้าง
ทั้งนี้ เรามองว่า ควรระมัดระวังความผันผวนของตลาดค่าเงินในช่วงปลายปี ซึ่งธุรกรรมในตลาดอาจเบาบางลงมาก ทำให้ค่าเงินสามารถเคลื่อนไหวผันผวนในกรอบที่กว้างได้
การเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ผันผวนสูงในช่วงที่ผ่านมาได้สะท้อนถึงความจำเป็นของการใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น
ทำให้เราคงแนะนำ ผู้ประกอบการควรใช้กลยุทธ์ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่หลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะการใช้ Options ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงได้ดีในช่วงที่ตลาดผันผวนหนัก
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.50-34.75 บาท/ดอลลาร์
ตลาดการเงินในฝั่งสหรัฐฯ และยุโรปปิดทำการเนื่องในเทศกาลคริสต์มาส ทำให้ปริมาณธุรกรรมในตลาดเบาบางลง ซึ่งในฝั่งตลาดค่าเงิน
เงินบาทปรับตัวแข็งค่าขึ้นบ้าง ตามธุรกรรมของผู้เล่นในตลาดบางส่วนที่รอจังหวะให้เงินบาทอ่อนค่าลงบ้าง ในการทยอยขายเงินดอลลาร์
หรือ เพิ่มสถานะ Short USDTHB นอกจากนี้ โฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำของผู้เล่นบางส่วนที่ต้องการลดสถานะถือครองทองคำในช่วงปลายปี ก็อาจพอช่วยหนุนให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นได้เช่นกัน
สำหรับวันนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าสนใจในฝั่งตลาดการเงินไทย คือ รายงานยอดการค้าระหว่างประเทศ โดย ตลาดคาดว่า ผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก
ทำให้ยอดการส่งออก (Exports) ในเดือนพฤศจิกายน อาจหดตัวต่อเนื่อง -5%y/y ในขณะที่ยอดการนำเข้า (Imports) อาจยังขยายตัวราว +0.6%y/y ทำให้ดุลการค้า (Trade Balance) อาจขาดดุลราว -100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่าเงินบาทแข็งค่ามาทดสอบแนว 34.60 บาทต่อดอลลารร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (9.15 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 34.78 บาทต่อดอลลาร์ฯ
โดยเงินบาทและสกุลเงินส่วนใหญ่ในเอเชียขยับแข็งค่าขึ้นตามทิศทางสินทรัพย์เสี่ยงและค่าเงินหยวนซึ่งได้รับอานิสงส์จากการที่ทางการจีนประกาศยกเลิกมาตรการกักตัวสำหรับผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ (มีผล 8 ม.ค. 2566)
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ คาดไว้ที่ 34.55-34.75 บาทต่อดอลลาร์ฯ
ปัจจัยที่ต้องติดตามจะอยู่ที่ตัวเลขการส่งออกของไทยเดือนพ.ย. ทิศทางฟันด์โฟลว์และสกุลเงินเอเชีย และมาตรการเกี่ยวกับการดูแลสถานการณ์โควิดในจีน
ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจต่างประเทศที่สำคัญ ได้แก่ ข้อมูลกำไรภาคอุตสหกรรมเดือนพ.ย.ของจีน และดัชนีราคาบ้านเดือนต.ค. ของสหรัฐฯ