กระแสการเมืองหนุน ‘สมประวิณ’ ขึ้นแท่นผู้ว่าธปท.คนใหม่

อย่างที่รับรู้กันแล้วว่า หลังปิดรับสมัครผู้ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คนใหม่ต่อจากดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ที่จะครบวาระวันที่ 30 กันยายน 2568 เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2568 มีผู้สมัครมากถึง 7 คนคือ

1. นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน
2. ดร.สุทธาภา อมรวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อบาคัส ดิจิทัล จำกัด
3. ดร.สมประวิณ มันประเสริฐ อดีตรองผู้จัดการใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มงาน Economic Intelligence Center (EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์
4. ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการ ธนาคารกรุงเทพ
5. ดร.รุ่ง มัลลิกะมาส รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธปท.
6. ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ นักเศรษฐศาสตร์ ซึ่งเคยลงสมัครครั้งก่อน เมื่อปี 2563 และกลับมาสมัครในครั้งนี้ เป็นครั้งที่ 2
7. นายวิกรานต์ ศุภมงคล อดีตประธานกรรมการผู้จัดการ บริษัท ทูแคปปิตอล

ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนตรวจคุณสมบัติ โดยคณะกรรมการคัดเลือกที่มีนายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ อดีตปลัดกระทรวงการคลัง ทำหน้าที่เป็นประธานคณะกรรมการคัดเลือกผู้ว่าการธปท.คนใหม่ จะประชุมครั้งแรกในวันที่ 20 มิถุนายน ก่อนจะนัดผู้สมัครเข้าสัมภาษณ์และแสดงวิสัยทัศน์ในวันที่ 24 มิถุนายน

จากนั้นจะคัดเลือกเสนอชื่อให้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ภายในวันที่ 2 กรกฎาคม พร้อมดำเนินการเสนอ ครม. และส่งโปรดเกล้าแต่งตั้งต่อไป  

ท่ามกลางกระแสการคาดเดาต่างๆ นาๆ และมีการเก็งบุคคลที่จะได้ขึ้นดำรงตำแหน่งผู้ว่าการ ธปท. ล่าสุดชื่อชื่อของ “ดร.สมประวิณ” มาแรง จากการสนับสนุนของกลุ่มที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ทีมบ้านพิษณุโลก และเครือข่ายธนาคารไทยพาณิชย์ จากการเข้าไปช่วยงานดร.พันศักดิ์ วิญญรัตน์ ประธานคณะที่ปรึกษานโยบายนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลนางสาวแพทองธาร ชินวัตร 

ดร.สมประวิณ ยังมีความใกล้ชิดกับ ดร.กิตติ ลิ่มสกุล ในฐานะอาจารย์เศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งดร.กิตติเป็นผู้ร่วมก่อตั้งพรรคไทยรักไทย ในปี 2541 เคยทำหน้าที่ที่ปรึกษานโยบายนายทักษิณ ชินวัตร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ปัจจุบันดร.กิตติรักษาการรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย 

อย่างไรก็ตาม ในการนำเสนอรายชื่อต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อนำเสนอครม.นั้น ในที่สุดอาจจะเหลือ 2 รายชื่อหรือ 3 รายชื่อ โดยที่อีกรายชื่อที่ที่มาแรงไม่แพ้กันคือ ดร.รุ่ง โปษยานนท์ มัลลิกะมาส ซึ่งถือเป็นคนในที่เข้าร่วมชิงตำแหน่งผู้ว่าการ ธปท.ในครั้งนี้ โดยได้รับแรงสนับสนุนจากธปท. และบรรดานายแบงก์ที่เห็นว่า ดร.รุ่ง จะเป็นผู้ว่า ธปท.ที่เข้าใจอุตสาหกรรมธนาคาร 

ปัจจุบัน ดร.รุ่ง เป็นรองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธปท.และกรรมการในคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (กกธ.)  รวมถึงคณะกรรมการนโยบายสถาบันการเงิน (กนส.) และคณะกรรมการระบบการชำระเงิน (กรช.)

ที่สำคัญ ดร.รุ่ง เคยทำงานในตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Global Business and Strategy ธนาคารกรุงไทย ในช่วงปี 2560-2562

 

แหล่งข่าวจากอดีตกรรมการ ธปท.ระบุุว่า สถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบัน ทำให้ฟากการเมืองต้องการผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจที่สามารถประสานการทำงานร่วมกันระหว่างรัฐบาลกับธปท. เพื่อให้นโยบายการเงินกับนโยบายการคลังไปในทิศทางเดียวกัน หลังจากเกิดภาพความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลกับธปท.มาอย่างต่อเนื่อง ในเรื่องนโยบายดอกเบี้ย

"ต้องยอมรับว่า ผู้ว่าการธปท.คนปัจจุบันแข็งเกินไป และการตัดสินใจลดดอกเบี้ยนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)นั้น ช้าเกินไปจนทำให้ปัญหาเศรษฐกิจลงลึกมาก และอาจต้องใช้เวลานาน ในการที่จะดึงให้เศรษฐกิจฟื้นขึ้นมาได้"  

อย่างไรก็ตาม การขึ้นดำรงตำแหน่งผู้ว่าการ ธปท.จะมุ่งเฉพาะนโยบายการเงินและเศรษฐกิจในประเทศอย่างเดียวไม่ได้ เพราะพลวัตรทางเศรษฐกิจเชื่อมโยงกันทั่วโลก ระบบนิเวศน์ทางการเงินเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วและมาก หากดูคุณสมบัติจากประสบการณ์ ดร.รุ่งน่าจะเหมาะที่ขึ้นดำรงตำแหน่งผู้ว่าการมากกว่า 

ทั้งนี้จากประสบการณ์ทำงาน ดร.รุ่ง คร่ำหวอดในแวดวงการเงินมานานกว่า 20 ปี และยังมีบทบาทหลักขับเคลื่อนภูมิทัศน์ภาคการเงินไทย ซึ่งสร้างภูมิทัศน์ทางการเงินใหม่สำหรับเศรษฐกิจดิจิทัลและการเติบโตอย่างยั่งยืนของไทย แต่ติดปัญหาตรงที่ผู้สนับสนุนจากฝั่งธปท.มีปัญหากับฝั่งการเมืองมาอย่างต่อเนื่อง 

อย่างไรก็ตาม หากจะมีการเสนอรายชื่อเป็นคนที่ 3 ร่วมด้วย จะเป็น ดร.สุทธาภา อมรวิวัฒน์ ซึ่งก่อนหน้ามีกระแสข่าวว่า ได้รับแรงสนับสนุนจากฟากฝั่งการเมืองเช่นกัน จากการเป็นตระกูลใหญ่มาอย่างยาวนานสำหรับ “อมรวิวัฒน์” ที่มีบทบาทไม่น้อยในแวดวงการเมืองในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะภายใต้รัฐบาลนี้ที่ยังมีลูกพี่ลูกน้องคือ “จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังในโควต้าพรรคเพื่อไทย

 

วิเคราะห์ หน้า 8 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,106 วันที่ 19 - 21 มิถุนายน พ.ศ. 2568