ความไม่แน่นอนจากสงครามการค้ายังอยู่ในระดับที่สูง แม้ว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะประกาศเลื่อนการขึ้นภาษีศุลกากรตอบโต้รายประเทศ (Reciprocal Tariff) ออกไปอีก 90 วัน เพื่อเปิดโอกาสให้มีการเจรจาต่อรอง แต่ยังคงอัตราภาษีนำเข้าขั้นต่ำจากทุกประเทศทุกสินค้า 10% (Universal Tariffs)
ยกเว้น เม็กซิโก และแคนาดา ซึ่งถูกปรับขึ้นภาษีนำเข้าเฉพาะ(Specific Tariffs)ที่ 25% ไปก่อนแล้ว การประกาศปรับขึ้นภาษีรอบนี้ของสหรัฐฯ ได้สร้างความไม่แน่นอนต่อการค้าและการลงทุนทั่วโลก และส่งผลให้เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอตัวลงในปีนี้
นางสาวเกษรี อายุตตะกะ ผู้อำนวยการ Investment Research SCB Chief Investment Office (SCB CIO) ธนาคารไทยพาณิชย์เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า การลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ยังมีแนวโน้มถูกกดดันจาก ความไม่แน่นอนจากสงครามการค้าที่ยังสูง และ การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก
ส่งผลให้ความผันผวนเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้น SCB CIO แนะนำเพิ่มความระมัดระวังการลงทุนสินทรัพย์เสี่ยง เน้นลงทุนตราสารหนี้ ระยะสั้น-กลาง กองทุนผสม และทองคำ บนพอร์ตหลัก ที่เป็นพอร์ตลงทุนระยะยาว
ในส่วนของการลงทุน SCB CIO มองว่า ปัจจุบันสินทรัพย์ทางการเงิน ยังไม่ได้รับรู้ (price in) ประเด็นเรื่อง Recession เต็มที่มากนัก เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงที่เกิด Recession ในอดีต
ขณะที่การเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียนยังมีแนวโน้มถูกปรับลดลง จากผลกระทบของภาษีนำเข้า และความไม่แน่นอนบนเศรษฐกิจมหภาค ซึ่งเริ่มสะท้อนเข้าสู่ตลาดหุ้นมากขึ้น
ดังนั้น จึงมีโอกาสที่ตลาดหุ้นโลกในระยะสั้น จะพักฐานและยังผันผวนสูงต่อ โดยเงื่อนไขหลักเบื้องต้นที่อาจช่วยให้ตลาดหุ้นโลกกลับมาฟื้นตัวขึ้นได้และผันผวนลดลง คาดว่า จะมาจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายเชิงบวกของสหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็นการลดความตึงเครียดทางการค้า ผ่านการเจรจาการค้าที่คืบหน้าขึ้น และการผ่อนคลายนโยบายการเงินจาก Fed
สำหรับตลาดตราสารหนี้ มาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ของทรัมป์ได้กดดันตลาดพันธบัตรและส่งผลให้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ (US Treasury Yield/ 10Y UST Yield ปรับเพิ่มขึ้นมากสุดในรอบ 20 ปี ในเดือน เม.ย. โดย UST yield ตัวยาว เพิ่มขึ้นอยู่สูงสุดที่ 4.56%
เนื่องจาก นักลงทุนต้องการส่วนชดเชยความเสี่ยงในการถือ UST ตัวยาว (Term Premium) เพิ่มขึ้น จากความไม่แน่นอนด้านนโยบายที่อยู่สูง และ ความกังวลประเด็นการขาดดุลงบประมาณของสหรัฐฯ
แม้ว่า ภายหลัง UST Yield เริ่มปรับลดลงก็ตาม แต่ SCB CIO มองว่า UST ตัวยาว ยังมีแนวโน้มกลับมาปรับเพิ่มขึ้นได้อีก จากความกังวลการขาดดุลงบประมาณ การเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อสหรัฐฯ รวมทั้ง การที่นักลงทุนสูญเสียความเชื่อมั่นบนสินทรัพย์ของสหรัฐฯ ซึ่งรวมถึง พันธบัตร และสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ
SCB CIO แนะนำระมัดระวังการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงและเน้นจัดพอร์ตลงทุนตามความเสี่ยงที่ยอมรับได้ โดยเน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ และหุ้นกู้เอกชนคุณภาพสูง ระยะสั้นถึงกลาง ของทั้งสหรัฐฯ และไทย เพื่อคาดหวังกระแสเงินสดรับ ขณะที่ผลตอบแทนยังค่อนข้างน่าสนใจ
รวมทั้งได้อานิสงส์จากแนวโน้มการลดดอกเบี้ยนโยบายของทั้ง Fed และคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ซึ่ง SCB CIO คาดว่า กนง. มีแนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 3 ครั้ง ในปีนี้อยู่ที่ 1.25%
สำหรับตลาดหุ้น แนะนำหลีกเลี่ยงการเพิ่มน้ำหนักลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ช่วงที่ตลาดฯ ยังมีความไม่แน่นอนและผันผวนสูงออกไปก่อน โดยคงน้ำหนักการถือครองหุ้นในพอร์ตหลัก (Core Portfolio) และเน้นกระจายการลงทุนผ่าน กองทุนผสม (Mixed Funds) ที่มีผู้จัดการกองทุนที่เชี่ยวชาญคอยปรับสัดส่วนการลงทุนให้สอดคล้องกับสถานการณ์
และแนะนำลงทุนในทองคำ เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนจากสงครามการค้า และความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงอยู่ อย่างไรก็ตาม ยังไม่แนะนำให้เข้าลงทุนตลาดหุ้น ในระยะสั้น บนพอร์ตเสริม (Opportunistic Portfolio)
ทั้งนี้เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอตัวลงอย่างชัดเจน โดยล่าสุดในเดือน เม.ย.ทางศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) ได้ปรับลดประมาณการ GDP ของโลก ในปี 2568 เหลือเติบโตเพียง 2.2% จากเดิมคาดไว้เมื่อเดือน มี.ค. อยู่ที่ 2.6%
ส่วนเศรษฐกิจสหรัฐฯ คาดว่า จะขยายตัวเพียง 1.3% จากเดิมคาดไว้ที่ 1.9% เศรษฐกิจจีน คาดว่าจะขยายตัว 4.1% จากเดิมคาดไว้ที่ 4.4% ขณะที่ปรับคาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจไทย ขยายตัวเพียง 1.5% ลดลงจากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 2.4%
“ตลาดการเงินมีความกังวลมากขึ้นว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวแต่เงินเฟ้อสูง (Stagflation) รวมถึง มีโอกาสเพิ่มขึ้นที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) ภายใต้สถานการณ์ความไม่แน่นอนจากสงครามการค้าที่สูง และเกิดภาวะกลัวความเสี่ยง (Risk Off) ครั้งใหญ่ในตลาด”
ทั้งนี้ SCB CIO ประเมินว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ มีแนวโน้มเติบโตชะลอลง ภายใต้สมมติฐานว่า จะมีการเจรจาการค้าเพื่อลดผลกระทบจากการปรับขึ้นภาษีของประธานาธิบดีทรัมป์แบบไม่ยืดเยื้อ (ใช้ระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน) โดยเฉพาะจากประเทศในแถบเอเชีย
หน้า 13 หนังสือพิมพ์ ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,092 วันที่ 1 - 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2568