ธนาคารพาณิชย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) 11 แห่งรายงานผลประกอบการงวดไตรมาส 1 ปี 2568 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2567 พบว่า ธนาคารพาณิชย์มีกำไรสุทธิรวม 68,395 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,640 ล้านบาทหรือ 5.62% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนอยู่ที่ 64,755 ล้านบาท และเพิ่มขึ้น 10.7% หรือ 6,624 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ)อยู่ที่ 61,771 ล้านบาท
เริ่มจากธนาคารพาณิชย์ที่มีความสำคัญต่อระบบในประเทศหรือ D-SIBs 6 แห่ง พบว่า 4 ใน 6แห่ง ยังคงสามารถรักษากำไรสุทธิไว้ได้ ได้แก่
ขณะที่ 2 แห่งใน D-SIBs ที่มีกำไรสุทธิลดลงได้แก่ ทีเอ็มบีธนชาต(ทีทีบี) 5,096 ล้านบาท ลดลง 5.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน(YoY) และลดลง 12.2% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และธนาคารกรุงศรีอยุธยา(BAY) 7.533 ล้านบาท ลดลด 0.1%YoY แต่กำไรเพิ่ม 20.0%เมื่อเทียบไตรมาสก่อนหน้า(QoQ)
ทั้งนี้ จากผลการดำเนินงานในไตรมาสแรก ปี 2568 ธนาคารอื่นๆ ที่มีกำไรเพิ่มขึ้นมากคือ บริษัท แอลเอชไฟแนนซ์เชียล จำกัด(มหาชน)หรือ LHFG มีกำไรสุทธิ 696 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 74.4%YoY และเพิ่มขึ้น 20.8%QoQ
ส่วนธนาคารอื่นๆ ที่มีกำไรเพิ่มขึ้นมากคือ ธนาคาร ไทยเครดิต(CREDIT) 903 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 454 ล้านบาทหรือ 101.1%YoY และเพิ่มขึ้น 24.2%QoQ ตามมาด้วยบริษัท แอลเอชไฟแนนซ์เชียล จำกัด(มหาชน)หรือ LHFG มีกำไรสุทธิ 696 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 74.4%YoY และเพิ่มขึ้น 20.8%QoQ และธนาคาร ซีไอเอ็มบีไทย(CIMBT) 838 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 33.9%YoY แต่กำไรหดตัว 12.9%QoQ
ขณะที่ธนาคารที่มีอัตราการทำกำไรปรับลดทั้ง YoY และQoQ ประกอบด้วย ธนาคาร เกียรตินาคิน 1,061 ล้านบาท ลดลง 29.5%YoY และลดลง 26.9%QoQ และธนาคารทิสโก้ 1,643 ลเลาทบาท ลดลง 5.2%YoY และลดลง 3.4%QoQ
อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล) หรือ NPL รวมจำนวน 539,481.39 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 7,876.92 ล้านบาทจากช่วงเดียวกันปีก่อนอยู่ที่ 531,604.47 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราเติบโต 1.48% โดยส่วนใหญ่เอ็นพีแอลปรับลดลง
ธนาคารที่มีตัวเลขเอ็นพีแอลขยับเพิ่มได้แก่ BAY เพิ่มขึ้น 10.4% TISCO เพิ่มขึ้น 4.7% KKP เพิ่มขึ้น 4.5% LHFG เพิ่มขึ้น 4.3% และ CREDIT เพิ่มขึ้น 1.5%
ด้านผลขาดทุนทางด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL) หรือการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญในไตรมาส 1 ปี2568 รวมอยู่ที่ 54,701ล้านบาท % เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อนอยู่ที่59,466ล้านบาท สะท้อนธนาคารส่วนใหญ่ระมัดระวังจากแรงกดดันในระยะข้างหน้า ไม่ว่าความเสี่ยงที่อาจจะเพิ่มขึ้นหรือความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจในประเทศและเศรษฐกิจโลกที่มีความผันผวน
สำหรับธนาคารที่มีการตั้งสำรอง ECLเพิ่มขึ้นได้แก่ KKP เพิ่มขึ้น 81.3% CIMBT เพิ่มขึ้น 58.2% TISCO เพิ่มขึ้น 14.4% BBL เพิ่มขึ้น 5.7% และ KTB เพิ่มขึ้น 2.4% เป็นต้น
ขณะที่ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ(NIM) ณ ไตรมาส 1ปี 2568 เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน พบว่า ภาพรวมย่อตัวลดลง เห็นได้จาก
หน้า 13 หนังสือพิมพ์ ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 4,090 วันที่ 24 - 26 เมษายน พ.ศ. 2568