แบงก์กวาดกำไร ไตรมาสแรก 6.8 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.62%

22 เม.ย. 2568 | 08:45 น.
อัปเดตล่าสุด :23 เม.ย. 2568 | 09:42 น.

เปิดผลประกอบการ ไตรมาสแรก ปี68 ธนาคารพาณิชย์ 11 แห่ง ทำกำไรสุทธิรวม 68,395 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.62% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อนอยู่ที่ 64,755 ล้านบาท และเพิ่มขึ้น 10.7% จากไตรมาส 4 ปี 67

ธนาคารพาณิชย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) 11 แห่งรายงานผลประกอบการงวดไตรมาส 1 ปี 2568 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2567 พบว่า ธนาคารพาณิชย์มีกำไรสุทธิรวม 68,395 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,640 ล้านบาทหรือ  5.62% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนอยู่ที่ 64,755 ล้านบาท และเพิ่มขึ้น 10.7% หรือ 6,624 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ)อยู่ที่ 61,771 ล้านบาท 

แบงก์กวาดกำไร ไตรมาสแรก 6.8 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.62%

เริ่มจากธนาคารพาณิชย์ที่มีความสำคัญต่อระบบในประเทศหรือ D-SIBs 6 แห่ง พบว่า 4 ใน 6แห่ง ยังคงสามารถรักษากำไรสุทธิไว้ได้ ได้แก่

  • ธนาคารกรุงเทพ(ฺBBL) 12,618 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.9% 
  • เอสซีบีเอกซ์(SCB) 12,502 ล้านบาท เพิ่มขึ้้น 10.8%
  • ธนาคารกสิกรไทย(KBANK) 13,791 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.07%
  • ธนาคารกรุงไทย(KTB) 11,714 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.3%

ขณะที่ 2 แห่งใน D-SIBs ที่มีกำไรสุทธิลดลงได้แก่ ทีเอ็มบีธนชาต(ทีทีบี) 5,096 ล้านบาท ลดลง 5.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน(YoY) และลดลง 12.2% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และธนาคารกรุงศรีอยุธยา(BAY) 7.533 ล้านบาท ลดลด 0.1%YoY แต่กำไรเพิ่ม 20.0%เมื่อเทียบไตรมาสก่อนหน้า(QoQ)

ทั้งนี้ จากผลการดำเนินงานในไตรมาสแรก ปี 2568 ธนาคารอื่นๆ ที่มีกำไรเพิ่มขึ้นมากคือ บริษัท แอลเอชไฟแนนซ์เชียล จำกัด(มหาชน)หรือ LHFG  มีกำไรสุทธิ 696 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 74.4%YoY และเพิ่มขึ้น 20.8%QoQ 

ส่วนธนาคารอื่นๆ ที่มีกำไรเพิ่มขึ้นมากคือ ธนาคาร ไทยเครดิต(CREDIT) 903 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 454 ล้านบาทหรือ 101.1%YoY และเพิ่มขึ้น 24.2%QoQ ตามมาด้วยบริษัท แอลเอชไฟแนนซ์เชียล จำกัด(มหาชน)หรือ LHFG มีกำไรสุทธิ 696 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 74.4%YoY และเพิ่มขึ้น 20.8%QoQ  และธนาคาร ซีไอเอ็มบีไทย(CIMBT) 838 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 33.9%YoY แต่กำไรหดตัว 12.9%QoQ

ขณะที่ธนาคารที่มีอัตราการทำกำไรปรับลดทั้ง YoY และQoQ ประกอบด้วย ธนาคาร เกียรตินาคิน 1,061 ล้านบาท ลดลง  29.5%YoY และลดลง 26.9%QoQ และธนาคารทิสโก้ 1,643 ลเลาทบาท ลดลง 5.2%YoY และลดลง 3.4%QoQ

อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล) หรือ NPL รวมจำนวน 539,481.39 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 7,876.92 ล้านบาทจากช่วงเดียวกันปีก่อนอยู่ที่ 531,604.47 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราเติบโต 1.48% โดยส่วนใหญ่เอ็นพีแอลปรับลดลง 

ธนาคารที่มีตัวเลขเอ็นพีแอลขยับเพิ่มได้แก่ BAY เพิ่มขึ้น 10.4%  TISCO เพิ่มขึ้น 4.7% KKP  เพิ่มขึ้น 4.5% LHFG เพิ่มขึ้น 4.3% และ CREDIT เพิ่มขึ้น 1.5% 

ด้านผลขาดทุนทางด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL) หรือการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญในไตรมาส 1 ปี2568 รวมอยู่ที่ 54,701ล้านบาท % เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อนอยู่ที่59,466ล้านบาท สะท้อนธนาคารส่วนใหญ่ระมัดระวังจากแรงกดดันในระยะข้างหน้า ไม่ว่าความเสี่ยงที่อาจจะเพิ่มขึ้นหรือความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจในประเทศและเศรษฐกิจโลกที่มีความผันผวน 

สำหรับธนาคารที่มีการตั้งสำรอง ECLเพิ่มขึ้นได้แก่  KKP เพิ่มขึ้น 81.3% CIMBT เพิ่มขึ้น 58.2% TISCO เพิ่มขึ้น 14.4% BBL เพิ่มขึ้น 5.7% และ KTB เพิ่มขึ้น 2.4% เป็นต้น

ขณะที่ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ(NIM) ณ ไตรมาส 1ปี 2568 เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน พบว่า ภาพรวมย่อตัวลดลง เห็นได้จาก

  • ฺBBL ปรับลดลงจาก 3.06% อยู่ที่ 2.89% 
  • KTB ปรับลดลงจาก 3.31% เป็น 3.08% 
  • SCB ปรับลดลงจาก 3.83% เป็น 3.67%
  • KBANK ลดลงจาก 3.73%  เป็น 3.41%
  • BAY ปรับลดลงจาก 4.16%  เป็น 4.10%
  • ทีทีบี ปรับลดลงจาก 3.28% เป็น  3.19%
  • TISCO ปรับลดลงจาก 4.76% เป็น 4.88%
  • CIMBT ปรับลดลงจาก 2.2% เป็น 2.0%
  • LHFG ปรับลดลงจาก 2.33% เป็น 2.30%
  • CREDIT ปรับลดลงจาก 8.5% เป็น 7.9% 
  • KKP ทรงตัวที่ 4.6% 

หน้า 13 หนังสือพิมพ์ ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 4,090 วันที่ 24 - 26 เมษายน พ.ศ. 2568