ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ประกาศ ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ลง 0.25% สู่ระดับ 3.75% ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินเมื่อวันพฤหัสฯ (6 มิ.ย.) ซึ่งเป็นไปตามความคาดหมาย และเป็นการลดดอกเบี้ยครั้งแรกของ ECB ในรอบเกือบ 5 ปี หรือนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2562
นอกจากนี้ ยังเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ ECB ดำเนินนโยบายลดดอกเบี้ยโดยไม่รอการปรับลดของธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด ซึ่งคงดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 5.25-5.50% มาตั้งแต่เดือนกันยายน 2566
ทั้งนี้ เมื่อเดือนกรกฎาคม 2565 ทาง ECB ได้เริ่มปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 11 ปี และถือเป็นการปิดฉากยุคของการใช้นโยบายดอกเบี้ยติดลบที่มีมายาวนาน หลังจากนั้น ECB ได้ทยอยปรับขึ้นดอกเบี้ยมาอย่างต่อเนื่องจนทำให้อัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันของยุโรปขึ้นไปแตะระดับสูงสุดทุบสถิติใหม่ที่ 4% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อในกลุ่มประเทศยูโรโซน ที่ทยอยปรับลดลงจากที่เคยอยู่ระดับสูงกว่า 10% เมื่อปลายปี 2565 ลงมาที่เหนือระดับเป้าหมาย 2% ในปัจจุบัน ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ ECB ทบทวนนโยบายและนำไปสู่การตัดสินใจลดดอกเบี้ยครั้งนี้
ด้านตลาดหุ้นสำคัญๆ ในยุโรปตอบรับข่าวดังกล่าว โดยเปิดตลาดบวกกันถ้วนหน้าวานนี้ (6 มิ.ย.) ข่าวการลดดอกเบี้ยของ ECB ส่งผลให้ดัชนีหลักในตลาดหุ้นยุโรปพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดทำสถิติใหม่ระหว่างการซื้อขาย โดยดัชนี Stoxx 600 พุ่งแตะระดับสูงสุดนิวไฮ โดยบวกไปกว่า 0.7% แตะระดับ 525.55 จุด และคาดว่าจะทำราคาปิดตลาดสูงสุดใหม่ได้เช่นกัน หลังจากที่ปล่อยให้ฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐนำโดยดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ขึ้นไปปิดที่ราคาออลไทม์ไฮเมื่อวันพุธ (5 มิ.ย.)
นักค้าในตลาดเงินคาดการณ์ว่า ECB จะเดินหน้าลดดอกเบี้ยต่ออีกประมาณ 1-2 ครั้งในปีนี้ โดยนักวิเคราะห์อาวุโสจากกองทุนแวนการ์ด ยุโรป เปิดเผยกับสำนักข่าว CNBC ว่า นอกเหนือจากปัจจัยเรื่องตัวเลขเงินเฟ้อในภาคบริการที่เป็นความกังวล ECB น่าจะลดดอกเบี้ยต่อไปอีกท่ามกลางแนวโน้มเงินเฟ้อในยุโรปภาพรวมที่ดูจะมีทิศทางที่น่าพอใจให้ลดดอกเบี้ยต่อได้
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งมองว่า ยังไม่สามารถคาดการณ์การลดดอกเบี้ยครั้งต่อไปที่แน่ชัดได้ เนื่องจากยังมีความเสี่ยงที่เงินเฟ้อในยุโรปอาจดีดตัวกลับขึ้นมา หลังจากมีการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อของยูโรโซนในเดือนพ.ค. เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งพบว่า เงินเฟ้อขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็น 2.6% จาก 2.4% เมื่อเทียบกับเดือนเม.ย.
นายคลีเมนส์ เฟสต์ ประธาน Ifo ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจของเยอรมนี ให้ความเห็นว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไปของ ECB ไม่น่าจะเกิดขึ้นในเร็วๆนี้ โดยอาจต้องรอไปอีกเป็นเวลานานหลังจากนี้
"การปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งล่าสุดนี้เป็นเรื่องที่มีเหตุผล เนื่องจากเงินเฟ้อในยุโรปกำลังปรับตัวไปสู่เป้าหมาย 2% อย่างไรก็ดี ตลาดได้ปรับตัวรับข่าวการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้แล้ว ดังนั้น แรงกระตุ้นต่อเศรษฐกิจจึงมีไม่มากนัก และเมื่อพิจารณาถึงการเพิ่มขึ้นอย่างมากของค่าจ้าง และการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้เลื่อนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยออกไป ดังนั้น ECB จึงยังไม่น่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกในเร็วๆนี้" นายเฟสต์กล่าว
ก่อนหน้านี้ ECB ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 10 ครั้งติดต่อกันรวม 4.5% หลังจากที่ได้เริ่มวงจรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ค.2565 เพื่อสกัดเงินเฟ้อ ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 11 ครั้งนับตั้งแต่ที่เริ่มวัฏจักรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค.2565 ส่งผลให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวม 5.25% แต่หลังจากนั้น ก็ตรึงอัตราดอกเบี้ยติดต่อกันมาแล้ว 6 ครั้งนับตั้งแต่เดือนก.ย.2566 ทำให้ดอกเบี้ยนโยบายของเฟดในปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 5.25-5.50% และมีการคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในเดือนก.ย.2567