การประกาศ คงอัตราดอกเบี้ย ของ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ และเป็นการตรึงอัตราดอกเบี้ยติดต่อกันเป็นครั้งที่ 6 หลังจากที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 11 ครั้งนับตั้งแต่ที่เริ่มวัฏจักรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค.2565 ส่งผลให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวม 5.25%
นอกจากนี้ เฟดยังประกาศชะลอการใช้มาตรการปรับลดขนาดงบดุล (Quantitative Tightening : QT) ซึ่งถือเป็นการเพิ่มการผ่อนคลายนโยบายการเงินของเฟด
ทั้งนี้ ภายใต้โครงการ QT ที่เริ่มขึ้นตั้งแต่เดือนมิ.ย.2565 เฟดจะปล่อยให้พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐและตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันการจำนอง (MBS) วงเงิน 9.5 หมื่นล้านดอลลาร์ครบอายุในแต่ละเดือนโดยไม่มีการซื้อเพิ่มเติม
มาตรการดังกล่าวทำให้งบดุลของเฟดลดลงสู่ระดับ 7.4 ล้านล้านดอลลาร์ จากระดับ 8.9 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงกลางปี 2565
อย่างไรก็ดี เริ่มตั้งแต่เดือนมิ.ย.2567 เฟดจะลดวงเงินพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่จะปล่อยให้ครบอายุในแต่ละเดือนโดยไม่มีการซื้อเพิ่มเติม เหลือเพียง 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์ จากเดิมที่ระดับ 6 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่คงวงเงิน MBS ที่จะปล่อยให้ครบอายุในแต่ละเดือนโดยไม่มีการซื้อเพิ่มเติม อยู่ที่ระดับ 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์
มาตรการ QT นับเป็นมาตรการหนึ่งที่เฟดใช้เพื่อคุมเข้มทางการเงิน หลังจากการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อ และถือเป็นการที่เฟดถอนตัวจากบทบาทในฐานะผู้สร้างสภาพคล่องในระบบการเงินด้วยการเข้าซื้อและถือครองพันธบัตรรัฐบาลและตราสารหนี้ในตลาด การลดวงเงินพันธบัตรและตราสารหนี้ที่จะปล่อยให้ครบอายุในแต่ละเดือนโดยไม่มีการซื้อเพิ่มเติม จึงถือเป็นการใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินของเฟด
สำหรับ กำหนดการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของเฟด ประจำปี 2567 มีจำนวนทั้งสิ้น 8 ครั้งดังนี้
ตั้งแต่ปี 2565 ถึงปัจจุบัน (มีการขึ้นดอกเบี้ย 11 ครั้ง ตั้งแต่ มี.ค.2565)
การดำเนินการด้านอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปี 2565
การดำเนินการด้านอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปี 2566
การดำเนินการด้านอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปี 2567
การประกาศคงอัตราดอกเบี้ยต่อไปของเฟด ทำให้ดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐยังคงอยู่ในระดับสูงที่สุดในรอบ 23 ปี เพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อที่ยังคงสูงกว่าระดับที่เฟดต้องการ โดยแถลงการณ์ของเฟดระบุว่า การตัดสินใจคงดอกเบี้ยที่อัตรา 5.25-5.50% ต่อไป เนื่องจาก "ขาดความก้าวหน้า" ด้านเป้าหมายการลดอัตราเงินเฟ้อ
"ภาพรวมของเศรษฐกิจยังคงไม่แน่นอน และคณะกรรมาธิการยังคงระมัดระวังอย่างยิ่งต่อความเสี่ยงของเงินเฟ้อ"
เป็นเวลาหลายเดือนมาแล้วที่เฟดรักษาอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงเพื่อชะลอเงินเฟ้อ จนทำให้อัตราเงินเฟ้อในสหรัฐ ลดลงอย่างต่อเนื่องเมื่อปีที่แล้ว จนทำให้เกิดการคาดการณ์ว่า อาจมีการลดดอกเบี้ยหลายครั้งในปีนี้
อย่างไรก็ตาม ราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ทำให้ความหวังที่จะเห็นเฟดลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงกลางปีนี้ต้องชะลอออกไป
มีการปรับคาดการณ์ว่า เฟดอาจเริ่ม ลดดอกเบี้ยครั้งแรก ในช่วงก่อนที่จะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ในเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้