สปป.ลาว ปรับขึ้น VAT ภาษีมูลค่าเพิ่มจาก 7 เป็น 10%

21 มี.ค. 2567 | 08:25 น.

สปป.ลาวปรับขึ้นอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม VAT จาก 7% เป็น 10% ตามคำแนะนำของธนาคารโลก ถูกบังคับใช้กับการทำธุรกรรมต่างๆ การนำเข้า สินค้า การบริการทั่วไป การนำเข้าแร่ธาตุ และการใช้ไฟฟ้า

สำนักข่าว XINHUA รายงานจากนครหลวงเวียงจันทน์ในวันที่ 21 มี.ค. 2567ว่า นายทองลุน สีสุลิด ประธานาธิบดีลาว ออกรัฐบัญญัติที่กำหนดการปรับขึ้นอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จากร้อยละ 7 เป็นร้อยละ 10 เพื่อสนับสนุนงบประมาณรายรับ และเกื้อหนุนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ

ซินหัวรายงานระบุว่า รัฐบัญญัติประธานาธิบดีข้างต้น ฉบับออกวันอังคาร (19 มี.ค.) มีเป้าหมายปรับปรุงความสามารถจัดเก็บงบประมาณรายรับ เพื่อช่วยแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจและการเงินที่ลาวต้องเผชิญในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

อัตราภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 10 จะถูกบังคับใช้กับการทำธุรกรรมต่างๆ อาทิ การนำเข้า สินค้า การบริการทั่วไป การนำเข้าแร่ธาตุ และการใช้ไฟฟ้า โดยการปรับขึ้นครั้งนี้ส่งผลให้อัตราภาษีมูลค่าเพิ่มคืนสู่ระดับเดิมของปี 2010-2021
 

อนึ่ง ลาวปรับลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มเหลือร้อยละ 7 ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2022 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามกระตุ้นการฟื้นฟูเศรษฐกิจในยุคหลังการระบาดใหญ่ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19)

ด้าน เว็บไซต์สำนักข่าว Laotian Times รายงานเมื่อ 20 มี.ค.67 ระบุว่า ทางการลาวประกาศปรับอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จากร้อยละ 7 เป็นร้อยละ 10 เพื่อเพิ่มรายได้ของรัฐ และสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในประเทศ โดยจะปรับขึ้น VAT กับการทำธุรกรรมต่าง ๆ ได้แก่ การนำเข้า-ส่งออกสินค้า แร่ธาตุ การให้บริการทั่วไป และการให้บริการไฟฟ้า ซึ่งจะเรียกเก็บจากผู้ใช้บริการไฟฟ้า ผู้ผลิตไฟฟ้า และผู้จำหน่ายพลังงานไฟฟ้า

ทั้งนี้ ประชาชนลาวห่วงกังวลกับการปรับขึ้น VAT ในห้วงที่ราคาสินค้าและบริการ อัตราเงินเฟ้อ และค่าครองชีพในลาวเพิ่มสูง ขณะที่มีรายได้เท่าเดิม ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อโอกาสและคุณภาพชีวิตของประชาชน

 

ย้อนที่มาธนาคารโลกแนะลาวเก็บ VAT เพิ่ม-ขึ้นภาษีอบายมุข

ก่อนหน้านี้ธนาคารโลก แนะนำว่า สปป.ลาว ควรปรับขึ้นอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) พร้อมทั้งขึ้นภาษีบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่จะจัดการกับภาวะเงินเฟ้อสูง และการอ่อนค่าของสกุลเงินกีบ อีกทั้งรัฐบาลควรใช้จ่ายเงินมากขึ้นในด้านการดูแลสุขภาพ และการศึกษา เพื่อวางรากฐานสำหรับการพัฒนาในอนาคต

คำแนะนำเรื่องภาษีของธนาคารโลกส่วนใหญ่มุ่งเป้าไปที่การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในปัจจุบันของ สปป.ลาว ทั้งเรื่องที่ต้องต่อสู้กับราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว การลงทุนจากต่างประเทศที่อยู่ในระดับต่ำ และหนี้สาธารณะที่อาจพุ่งสูงถึง 125% ของ GDP ในปีนี้

โดยหนี้จำนวนมหาศาลที่สูงถึง 1.87 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ณ สิ้นปี 2565 ได้ทำลายเสถียรภาพทางเศรษฐกิจมหภาคของประเทศ และชะลอการเติบโตทางเศรษฐกิจ

ขณะที่ปริมาณหนี้มากกว่าครึ่งเป็นของจีนที่ช่วย สปป.ลาว สร้างเส้นทางรถไฟความเร็วปานกลาง ลาว-จีน มูลค่า 6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (BRI) รวมถึงการลงทุนอื่น ๆ ของจีนอีกด้วย ทั้งการสร้างถนน และเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำหลายโครงการ

ในปีที่ผ่านมา เงินกีบของลาวอ่อนค่า 29% เมื่อเทียบกับเงินบาทของไทย และ 21% เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ สาเหตุหลักมาจากการขาดแคลนเงินตราต่างประเทศที่จำเป็นในการชำระหนี้ และการให้เงินทุนในโครงการพัฒนาต่าง ๆ

 

ย้อนรอยลาวขึ้นภาษีสรรพสามิตคุมสินค้าฟุ่มเฟือย

และในช่วงปลายปี 2566 ประธานประเทศแห่งสปป.ลาว นายทองลุน สีสุลิด ได้ออกคำสั่งกำหนดอัตราภาษีสรรพสามิตให้สูงขึ้นสำหรับสินค้าบางประเภท โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อควบคุมการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยเพื่อลดการไหลออกของเงินตราต่างประเทศ

คำสั่งประธานาธิบดีซึ่งออกเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2566 ได้ปรับเพิ่มภาษีสรรพสามิตสำหรับรถจี๊ปและรถเก๋งที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ยาสูบ น้ำอัดลมและสล็อตแมชชีน เครื่องเล่นเกม และอุปกรณ์การพนันทุกประเภทที่ต้องมีใบอนุญาต

อัตราภาษีสรรพสามิตใหม่สำหรับรถจี๊ปและรถซีดานที่ขับเคลื่อนด้วยน้ำมันเชื้อเพลิง กำหนดตามขนาดเครื่องยนต์ ดังนี้

  • อัตรา 31% สำหรับรถยนต์ที่มีความจุเครื่องยนต์ไม่เกิน 1,000 ซีซี จากเดิม 25%
  • อัตรา 41% สำหรับรถยนต์ที่มีความจุเครื่องยนต์ 1,001-1,600 ซีซี จากเดิม 30%
  • อัตรา 56% สำหรับรถยนต์ที่มีความจุเครื่องยนต์ 1,601-2,000 ซีซี จากเดิม 35%
  • อัตรา 66% สำหรับรถยนต์ที่มีความจุเครื่องยนต์ 2,001-2,500 ซีซี จากเดิม 40,
  • อัตรา 82% สำหรับรถยนต์ที่มีความจุเครื่องยนต์ 2,501-3,000 ซีซี จากเดิม 45%
  • อัตรา 127% สำหรับรถยนต์ที่มีความจุเครื่องยนต์ 3,001-4,000 ซีซี จากเดิม 70%
  • อัตรา 200% สำหรับรถยนต์ที่มีความจุเครื่องยนต์ 4,001-5,000 ซีซี จากเดิม 85%
  • อัตรา 220% สำหรับรถยนต์ที่มีความจุเครื่องยนต์ 5,00 ซีซี ขึ้นไป จากเดิม 90%

สำหรับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (ยกเว้นเบียร์) ที่มีปริมาณแอลกอฮอล์สูงกว่า 23% จะต้องเสียภาษีสรรพสามิตเพิ่มขึ้นจาก 70% เป็น 110% เครื่องดื่มที่มีปริมาณแอลกอฮอล์ 10-23% จะต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้นจาก 60% เป็น 90% และเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ไม่ถึง 10% จะต้องเสียภาษีสรรพสามิตเพิ่มเป็น 72%

ปัจจุบันอัตราภาษีสรรพสามิตสำหรับเบียร์ที่มีปริมาณแอลกอฮอล์มากกว่า 5% จะเป็น 70% ในขณะที่เบียร์ที่มีปริมาณแอลกอฮอล์ 0.5-5% จะต้องเสียภาษี 60%

ภาษีสรรพสามิตบุหรี่เพิ่มขึ้นจาก 50% เป็น 72% และภาษีผลิตภัณฑ์ยาสูบอื่นๆ เพิ่มขึ้นจาก 35% เป็น 47% เครื่องดื่มที่ผ่านกระบวนการ เช่น น้ำอัดลมและโซดา จะต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้นจาก 5% เป็น 12% ในขณะที่ภาษีเครื่องดื่มชูกำลังจะเพิ่มขึ้นจาก 10% เป็น 17%

คำสั่งประธานาธิบดียังกำหนดภาษีสรรพสามิตที่สูงขึ้นสำหรับเครื่องสล็อต เครื่องเกมทุกประเภท และอุปกรณ์การพนันทุกประเภทที่ต้องได้รับอนุญาต โดยเพิ่มจาก 35% เป็น 50%

เช่น เดียวกันกับภาษีการค้า ภาษีมูลค่าเพิ่มจะถูกบวกเข้ากับราคาของผลิตภัณฑ์หรือบริการในแต่ละขั้นตอนของการผลิต ซึ่งการปรับเพิ่มจาก 7% เป็น 10% และการมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการขึ้นภาษีสรรพสามิตจะช่วยให้การเงินของรัฐบาลมีเสถียรภาพมากขึ้น

 

ที่มา : Xinhua , สำนักข่าว Laotian Times