เงื่อนไขซื้อสินค้าโอท็อป ให้ได้สิทธิ์ Easy E-Receip ลดหย่อนภาษี 5 หมื่นบาท

01 ม.ค. 2567 | 07:20 น.

ส่องเงื่อนไข ในการซื้อสินค้าของฝาก ของที่ระลึกผลิตภัณฑ์ชุมชน จากร้าน OTOP เพื่อให้ได้สิทธิ์ Easy E-Receip ลดหย่อนภาษีสูงสุด 5 หมื่นบาท จากรมสรรพากร

มาตรการ Easy E-Receipt ตามมติคณะรัฐมนตรี เห็นชอบมาตรการ “Easy E-Receip” เพื่อสนับสนุนการบริโภคภายในประเทศและสนับสนุนผู้ประกอบการที่อยู่ในระบบภาษีให้ใช้ระบบภาษีอิเล็กทรอนิกส์

โดยสามารถหักลดหย่อนภาษีจากค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการภายในประเทศที่เกิดขึ้น ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 ถึงวันที่ 15กุมภาพันธ์ 2567 สำหรับผู้มีเงินได้ที่เป็นบุคคลธรรมดา (ไม่รวมถึงห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล) ตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 50,000 บาท 

เงื่อนไขซื้อสินค้าโอท็อป ให้ได้สิทธิ์ Easy E-Receip ลดหย่อนภาษี 5 หมื่นบาท

แต่มีหลายท่ายสงสัยและสอบถามเข้ามาว่า หากซื้อสินค้า ของฝาก ของที่ระลึกผลิตภัณฑ์ชุมชน จากร้าน OTOP และร้านที่ไม่เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียน ภาษีมูลค่าเพิ่ม จะสามารถใช้สิทธิ์จากมาตรการ e-Receipt ของกรมสรรพากรได้หรือไม่

ฐานเศรษฐกิจ ตรวจสอบข้อมูลพบว่าเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2566 เวลา 13.30 – 15.00 น.  นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม อธิบดีกรมการพัมนาชุมชน มอบหมายให้นายวรงค์ แสงเมือง รองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เป็นประธานเปิดโครงการ “โครงการสัมมนา “E-Tax Invoice & E-Receipt รองรับมาตรการ Easy E-Receipt”สำหรับผู้ประกอบการ OTOP ในรูปแบบออนไลน์

นายวรงค์ แสงเมือง รองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน

 

โดยมีผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่นและวิสาหกิจชุมชน กรมการพัฒนาชุมชน ผู้อำนวยการกองบริหารการเสียภาษีทางอิเล็กทรอนิกส์ กรมสรรพากร ผู้แทนบริษัท อินเทอร์เน็ตประเทศไทย จำกัด (มหาชน) เจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชนจังหวัด 76 จังหวัด และผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP  เข้าร่วมสัมมนา จำนวน 220 คน ผ่านระบบ Zoom Call Meeting

นายวรงค์ แสงเมือง รองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติและมีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้มาเป็นประธานกล่าวต้อนรับในพิธีเปิด ‘โครงการรสัมมนา “E-Tax Invoice &E-Receipt รองรับมาตรการ Easy E-Receipt” สำหรับผู้ประกอบการ OTOP เพื่อสนับสนุนการบริโภคภายใประเทศและสนับสนุนผู้ประกอบการให้มาใช้ระบบภาษีอิเล็กทรอนิกส์มากยิ่งขึ้นจึงจัดงานสัมมนาครั้งนี้ขึ้นมา

เงื่อนไขซื้อสินค้าโอท็อป ให้ได้สิทธิ์ Easy E-Receip ลดหย่อนภาษี 5 หมื่นบาท

เพื่อให้ผู้ประกอบการทุกท่านมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดทำนำส่ง ส่งมอบ และจัดเก็บ “ใบกำกับภาษีและใบเสร็จรับเงินอิเล็กทรอนิกส์”

รวมถึงประโยชน์ของระบบพร้อมทั้งสร้างความ เชื่อมั่นในการใช้งานระบบให้เกิดการใช้งานอย่างแพร่หลาย อันเป็นผลดีต่อภาครัฐที่จะทำให้เกิดระบบภาษีอากรดิจิทัลแบบเต็มรูปแบบทั้งประเทศภายในปี 2571

ซึ่งเป็นความร่วมมือของกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย กับ บริษัท อินเทอร์เน็ตประเทศไทยจำกัด มหาชน และบริษัท วัน อิเล็กทรอนิกส์ บิลลิ่ง จำกัด (มหาชน) ในการจัดงานครั้งนี้

ขอขอบคุณผู้ประกอบการทุกท่านที่ได้ให้การตอบรับเข้าร่วมงานสัมมนาที่จัดขึ้นในครั้งนี้ และคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการสัมมนาในครั้งนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการที่จะได้รับความรู้ และมีความเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับระบบ E-Tax Invoice & E-Receipt

เงื่อนไขซื้อสินค้าโอท็อป ให้ได้สิทธิ์ Easy E-Receip ลดหย่อนภาษี 5 หมื่นบาท

เพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่ระบบภาษีอิเล็กทรอนิกส์ของภาครัฐ และนำระบบ E-Tax Invoice & E-Receipt ไปใช้งานภายในองค์กรของท่านให้เกิดประโยชน์สูงสุด แก่กิจการของท่านและทั้งนี้ต้องขอขอบคุณคณะกรรมการดำเนินงาน หน่วยงานที่ให้การสนับสนุนการจัดโครงการในครั้งนี้ วิทยากรที่ได้เสียสละเวลามาบรรยาย และขอขอบคุณผู้เข้าฝึกอบรมทุกท่าน

จากนั้น รองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน อธิบายต่อว่า มาตรการ Easy E-Receipt ตามมติคณะรัฐมนตรี เห็นชอบมาตรการ “Easy E-Receip” เพื่อสนับสนุนการบริโภคภายในประเทศและสนับสนุนผู้ประกอบการที่อยู่ในระบบภาษีให้ใช้ระบบภาษีอิเล็กทรอนิกส์

โดยสามารถหักลดหย่อนภาษีจากค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการภายในประเทศที่เกิดขึ้น ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 ถึงวันที่ 15กุมภาพันธ์ 2567 สำหรับผู้มีเงินได้ที่เป็นบุคคลธรรมดา (ไม่รวมถึงห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล) ตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 50,000 บาท โดยจะต้องมีใบกำกับภาษีเต็มรูปหรือใบรับในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบ e-Tax Invoice & e-Receipt ของกรมสรรพากรเท่านั้น ซึ่งมีหลักเกณฑ์และเงื่อนไข ดังนี้

เงื่อนไขซื้อสินค้าโอท็อป ให้ได้สิทธิ์ Easy E-Receip ลดหย่อนภาษี 5 หมื่นบาท

กรณีซื้อสินค้าหรือรับบริการจากผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม จะต้องมีใบกำกับภาษีแบบเต็มรูป ตามมาตรา 86/4 แห่งประมวลรัษฎากรในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice) พร้อมต้องระบุเลขประจำตัว
ผู้เสียภาษีอากร (เลขประจำตัวประชาชน) ของผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการด้วย โดยค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการที่จะได้รับสิทธิฯ ไม่รวมถึง

  • (1) ค่าซื้อสุรา เบียร์ และไวน์
  • (2) ค่าซื้อยาสูบ
  • (3) ค่าซื้อรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และเรือ
  • (4) ค่าน้ำมันและก๊าซสำหรับเติมยานพาหนะ
  • (5) ค่าสาธารณูปโภค ค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า ค่าบริการสัญญาณโทรศัพท์ และค่าบริการ สัญญาณอินเทอร์เน็ต
  • (6) ค่าบริการที่มีข้อตกลงการให้บริการและผู้รับบริการสามารถใช้บริการดังกล่าว นอกเหนือจากระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 ถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2567
  • (7) ค่าเบี้ยประกันวินาศภัย

กรณีการซื้อสินค้าหรือการรับบริการจากผู้ขายสินค้าหรือผู้ให้บริการ ที่ไม่เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียน ภาษีมูลค่าเพิ่ม จะต้องมีใบรับตามมาตรา 105 แห่งประมวลรัษฎากร ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Receipt) พร้อมต้องระบุชื่อ นามสกุล และเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร (เลขประจำตัวประชาชน) ของผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการด้วย เฉพาะค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการดังต่อไปนี้

  1. ค่าซื้อหนังสือ หนังสือพิมพ์ และนิตยสาร
  2. ค่าบริการหนังสือ หนังสือพิมพ์ และนิตยสารที่อยู่ในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต
  3. ค่าซื้อสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) ซึ่งได้ลงทะเบียนกับ กรมการพัฒนาชุมชนแล้ว

ดังนั้น ผู้ประกอบการขายสินค้าหรือให้บริการ ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด หากมีความประสงค์สมัครลงทะเบียน เพื่อออกใบกำกับภาษีหรือใบรับในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบของกรมสรรพากร ในช่วงระยะเวลา 45 วัน ตามมาตรการดังกล่าว จะเป็นการกระตุ้นยอดขายสินค้าหรือบริการ ในช่วงมาตรการได้