'ประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ' ฝากไว้ในตำนาน'มนุษย์ทองคำ'วงการหุ้น
นับจากวันที่ 14 กันยายน 2559 มนุษย์ทองคำในวงการตลาดหุ้นที่ชื่อ"ประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ"ก็ต้องยุติบทบาทลง หลังถูกสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) ลงโทษด้วยการพักการให้ความเห็นชอบเป็นบุคลากรในธุรกิจตลาดทุน 2 ปี
"ประสิทธิ์" โดนก.ล.ต.สอยลงจากตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์(บล.) แอพเพิล เวลธ์ จำกัด (มหาชน) เนื่องจากละเลยการตรวจสอบดูแลระบบงานในการทำความรู้จักลูกค้า ตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้า และการกำกับดูแลการทำธุรกรรมของลูกค้า ซึ่งเป็นระบบงานหลักที่สำคัญและมีผลต่อความเชื่อมั่นในตลาดทุนโดยรวม
ทั้งนี้ก.ล.ต.ตรวจพบหลังบ้านหรือแบ็กออฟฟิศของบล.แอพเพิล เวลธ์ฯ มีรูรั่วเบ้อเริ่ม โดยพบความบกพร่องในระบบงานการทำความรู้จักลูกค้าและตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้า (Know Your Customer / Customer Due Diligence : KYC/CDD) และการกำกับดูแลการทำธุรกรรมของลูกค้าที่ยังไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอจะระบุตัวตนหรือผู้รับประโยชน์ที่แท้จริงของลูกค้า รวมถึงยังไม่สามารถป้องกันการกระทำที่อาจไม่เหมาะสมของลูกค้าได้ และหากลูกค้าดังกล่าวมีการกระทำที่ผิดกฎหมาย บริษัทอาจมีความเสี่ยงที่จะถูกพิจารณาได้ว่ามีส่วนสนับสนุนหรือมีส่วนร่วมในการกระทำดังกล่าวของลูกค้า
"ประสิทธิ์" จัดเป็นคนหนุ่มไฟแรงของวงการตลาดหุ้น เป็น 1 ใน 5 ของซีอีโอ ที่ได้รับเงินเดือนสูงที่สุดในประเทศไทย เข้าสู่เส้นทางสายตลาดหุ้นปี 2544 หรือเมื่อ 15 ปีก่อน
เขาเคยเล่าว่าสมัยที่เป็นมาร์เก็ตติ้งอยู่หาดใหญ่ เคยสี่ยงตายว่ายน้ำฝ่าน้ำท่วมไปห้องค้าหลักทรัพย์เพื่อเคาะขายหุ้น 600 ล้านให้ลูกค้าได้สำเร็จก่อนหมดเวลาซื้อขายหุ้นจนได้ใจลูกค้าไปเต็ม ๆ ฉายแวว"มนุษย์ทองคำ"แห่งวงการตลาดหุ้นมานับแต่นั้น โดยมีข้อเสนอซื้อตัวจากนักธุรกิจมากมาย
"ประสิทธิ์"เคยให้สัมภาษณ์ว่า เงินไม่ใช้คำตอบสุดท้ายสำหรับเขาในการตัดสินใจทำงาน แต่เขายึดแนวคิด "ขอเป็นคนเลือกนาย ไม่ใช่ให้นายเลือก"
ความขยันขันแข็ง ดูแลลูกค้าอย่างดี และที่สำคัญลูกค้าเล่นหุ้นของเขาล้วนกระเป๋าหนัก หรือเป็นนักลงทุนรายใหญ่ระดับวีไอพี เขามีก๊วนเพื่อนมาร์เก็ตติ้งที่จับมือกันแน่น ทำให้ปี 2549 "ประสิทธิ์" เติบใหญ่ในตำแหน่งซีอีโอ หรือประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล. บีฟิทฯ ( พ.ศ.2549 - พ.ศ. 2552) และสามารถสร้างผลงานได้โดดเด่น ส่วนแบ่งตลาด (มาร์เก็ตแชร์) พุ่งขึ้นมาอยู่ที่ 3.63% จากระดับ 0.74% ในเวลาไม่ถึง 1 ปี
หลังลาออกจาก บล.บีฟิทฯ "ประสิทธิ์"ได้ยกทีมเพื่อน ๆ ที่ล้วนเป็นมาร์เก็ตติ้งหุ้นแถวหน้าแต่ละคนดูแลพอร์ตลูกค้าระดับพันล้านไปบล.คันทรี่ กรุ๊ปฯ ของตระกูล"เตชะอุบล" โดยเขานั่งตำแหน่งสูงสุด คือ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (พ.ศ.2552 – 2556)
ต่อมาในปี 2557 "ประสิทธิ์"เลิกเป็นมือปืนรับจ้าง หันมาเป็นเจ้าของกิจการ โดยรวมตัวกับก๊วนเพื่อนมาร์เก็ตติ้งกลุ่มเดิมที่ไปไหนไปกันด้วยการลงขันซื้อบล.สินเอเซียฯ ต่อจาก บล.ฟินันเซีย ไซรัสฯ เพื่อมาบริหารเอง และเปลี่ยนชื่อเป็นบล.แอพเพิล เวลธ์ฯ และว่ากันว่าที่โบรกเกอร์แห่งนี้มีแต่ลูกค้าระดับวีไอพี ทั้งคนการเมืองและนักธุรกิจ
"ประสิทธิ์" ยังมีสายสัมพันธ์ กับอดีตนักการเมือง และเขายังสวมหมวกอีกใบ คือ เป็นผู้บริหาระดับสูงสุด ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ็มลิงค์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) หรือ MLINK ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท เฟอร์รั่ม จำกัด (มหาชน) หรือ FER ซึ่งเป็นของกลุ่มตระกูล"วงศ์สวัสดิ์" ภาระกิจของเขา คือ ทำให้ผลประกอบการพลิกมีกำไร หรือเป็นหุ้นเทิร์นอะราวด์
การถูกโทษแบน 2 ปี "ประสิทธิ์"ได้ดิ้นรนต่อสู้ขอความเป็นธรรมด้วยการยื่นขออุทธรณ์คำสั่งของก.ล.ต.ต่อไป โดยเขายืนยัน 4 ข้อ คือ 1.ไม่ได้ทําความเสียหายให้กับลูกค้าและบริษัท 2.ทําตามการกฎเกณฑ์ของสมาคมบริษัทหลักทรัพย์และก.ล.ต. 3. ให้ความสําคัญกับ KYC, CDD,STR และปปง. และ 4 . ทํางานตามระบบกฎเกณฑ์มาตรฐานของบริษัทที่กําหนดไว้
"ผมเสียใจ คนอื่นทำได้แต่ผมทำไม่ได้ เรื่องโอนหุ้นข้ามชื่อ โบรกอื่นก็ทำ ผมก็ทำ พอ ก.ล.ต.มาบอกว่าทำเยอะเกินไปแล้ว ผมก็ลดจำนวนลง เพราะผมเป็นเด็กดีมาตลอด ขณะที่คู่แข่งยังทำอยู่ สมาคมก็ไม่ได้มีกฎออกมา ผมต้องยอมเสียเปรียบในเชิงการแข่งขัน ทั้งที่ระบบมันเสรีแล้ว"
ข้างต้น คือ ประโยคทิ้งท้ายของมาร์เก็ตติ้งมือทองแห่งวงการโบรกเกอร์หุ้น และซีอีโอผู้หวือหวา "ประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ"
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,193 วันที่ 18 - 21 กันยายน พ.ศ. 2559