เมื่อวันที่ 23 สิงหาคมที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบตามที่สำนักงบประมาณ ได้เสนอเรื่อง มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2560 (1ต.ค. 2559-30 ก.ย. และเพื่อให้การใช้จ่ายภาครัฐเป็นปัจจัยสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศและเป็นไปตามเป้าหมายการเบิกจ่ายรายจ่ายภาพรวมไม่น้อยกว่า 96% ของวงเงินรายจ่ายรวมที่ 2,623,680 ล้านล้านบาทและรายจ่ายลงทุนไม่น้อยกว่า 87% ของรายจ่ายลงทุนรวมที่ 477,519 ล้านบาท
[caption id="attachment_95597" align="aligncenter" width="700"]
งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2560[/caption]
เผยงบ 2.623 ล้านลบ.รายไตรมาส
จึงได้กำหนดเป้าหมายการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2560 เป็นรายไตรมาสดังนี้ โดยรายจ่ายในภาพรวม กำหนด ไตรมาสที่ 1,2,3 และ 4 เป็นสัดส่วน 30% (วงเงิน 819,900 ล้านบาท ) ,สัดส่วน 22% ( 601,260 ล้านบาท), สัดส่วน 21 % ( 579,419 ล้านบาท)และสัดส่วน 23% (623,101 ล้านบาท)ตามลำดับ รายจ่ายลงทุน ไตรมาส1 , ไตรมาส2 ,ไตรมาส 3และไตรมาส4 เป็นสัดส่วน 19% (104,286 ล้านบาท) ,22 % ( 120,752 ล้านบาท), 22% (120,752) และ สัดส่วน 24% (131,729 ล้านบาท) (ดูตารางประกอบ)
นอกจากนี้เพื่อให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจและหน่วยงานอื่นๆสามารถดำเนินการตามมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพมีความชัดเจนและเป็นรูปธรรม จึงเห็นควรกำหนดแนวทางการดำเนินงานตามมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายคือ
กำหนดแนวทางราชการ/รสก.
1.ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบฯเป็นรายเดือน รายไตรมาส ส่งให้สำนักงบประมาณพิจารณาเห็นชอบภายในวันที่ 12 กันยายน 2559 โดยมีหลักเกณฑ์และเงื่อนไข ประกอบด้วย
1.1.รายจ่ายประจำให้ความสำคัญกับการจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณให้สอดคล้องกับเป้าหมายการเบิกจ่ายงบประมาณรายไตรมาส โดยในส่วนของการดำเนินงานตามภารกิจยุทธศาสตร์ ภารกิจหน่วยงานจะต้องเร่งรัดให้เริ่มดำเนินงานและเริ่มเบิกจ่ายงบตั้งแต่ไตรมาสที่ 1 สำหรับค่าใช้จ่ายการฝึกอบรม ประชุม และสัมมนาให้คำนึงถึงประโยชน์ที่ทางราชการจะได้รับและระยะเวลาที่เหมาะสมเป็นสำคัญ รวมทั้งสอดคล้องกับการดำเนินการตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2559 เรื่องการพัฒนาบุคลากรภาครัฐโดยการจัดหลักสูตรฝึกอบรมของหน่วยงานต่างๆ ทั้งนี้ ควรจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณให้สามารถเบิกจ่ายงบประมาณได้ในไตรมาสที่ 1ให้มากที่สุดหรือไม่น้อยกว่า 50% ของวงเงินงบประมาณที่ได้รับจัดสรร
เพิ่มประสิทธิภาพเบิกจ่ายลงทุน
1.2.รายจ่ายลงทุน กรณีจัดหาครุภัณฑ์ ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจและหน่วยงานอื่นจะต้องมีความพร้อมเกี่ยวกับคุณลักษณะเฉพาะ ผลการสืบราคา และสถานที่/พื้นที่รองรับครุภัณฑ์รวมถึงการดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายหรือระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างถูกต้องครบถ้วน กรณีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นต้องดำเนินการให้มีความพร้อมเกี่ยวกับการกำหนดพื้นที่ สถานที่ตั้ง และราคาของที่ดิน ข้อกำหนดและขอบเขตของงาน(TOR) แบบรูปรายการ ประมาณราคา สถานที่/พื้นที่ก่อสร้าง รวมถึงการดำเนินการตามขั้นตอบของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง
1.3.ขณะเดียวกันให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นเริ่มกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างได้เมื่อคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2560 พิจารณาแล้วเสร็จแล้ว (25ส.ค.59)โดยมีเงื่อนไขว่าจะก่อหนี้ผูกพันได้ก็ต่อเมื่อได้รับอนุมัติเงินประจำงวดจากสำนักงบประมาณแล้ว
ให้ก่อหนี้ภายในไตรมาส 1ปีงบ 60
ทั้งนี้ รายจ่ายลงทุนปีเดียวจะต้องก่อหนี้ผูกพันให้แล้วเสร็จภายในไตรมาสที่ 1ปีงบประมาณ 2560 (1ต.ค.59-31 ธ.ค.59) และหากเป็นรายการที่มีวงเงินไม่เกิน 2ล้านบาทให้เบิกจ่ายตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในไตรมาสที่1 ยกเว้นรายการที่มีคุณลักษณะพิเศษหรือจัดหาจากต่างประเทศ รายจ่ายลงทุนที่มีวงเงินเกิน 1,000 ล้านบาท และรายจ่ายลงทุนผูกพันรายการใหม่จะต้องก่อหนี้ผูกพันให้แล้วเสร็จภายในไตรมาสที่ 2 (1ม.ค.60-31มี.ค.60)
ทั้งนี้ เพื่อให้สามารถเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายลงทุนได้ตั้งแต่ไตรมาสที่ 1ขอให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยราชการอื่น กำหนดแบ่งงวดงานและเบิกจ่ายรายการสิ่งก่อสร้างปีเดียวให้เหมาะสมกับการปฏิบัติงานจริง
จัดสรรงบฯไปยังภูมิภาค
2. เมื่อสำนักงบประมาณเห็นชอบแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณและจัดสรรงบประมาณให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นแล้ว ขอให้เร่งดำเนินการโอนจัดสรรงบประมาณที่ดำเนินการในเขตพื้นที่จังหวัดไปยังสำนักเบิกส่วนภูมิภาคนั้นๆ โดยเร็วอย่างช้าไม่เกินวันที่ 7 ตุลาคม 2559 เพื่อให้หน่วยงานในพื้นที่ต่างจังหวัดมีงบประมาณในการปฏิบัติงานโดยเร็ว ซึ่งสำนักงบประมาณจะร่วมมือกับกรมบัญชีกลางรวบรวมผลการโอนจัดสรรงบประมาณดังกล่าวรายจ่ายต่อครม.เพื่อทราบต่อไป
ให้รายงาน/ประเมินผล
3.ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจและหน่วยงานอื่น รายงานผลสัมฤทธิ์การปฏิบัติงานและการใช้จ่ายงบประมาณตามเป้าหมาย และตัวชี้วัด กระทรวง หน่วยงาน ผลผลิต/โครงการและตามขั้นตอนการปฏิบัติงานพร้อมทั้งระบุปัญหา อุปสรรคและแนวทางแก้ไข โดยจัดส่งรายงานและบันทึกผลสัมฤทธิ์การปฏิบัติงานและการใช้จ่ายงบประมาณในระบบฐานข้อมูล/ผลปฏิบัติงานและการใช้จ่ายงบประมาณ(BB EvMis)เป็นรายเดือนและรายไตรมาส เพื่อสำนักงบประมาณจะได้ติดตามประเมินผลการดำเนินงานระหว่างการใช้จ่ายงบประมาณและรวบรวมรายงานดังกล่าวเสนอคณะรัฐมนตรีเป็นรายเดือนและรายไตรมาสต่อไป
เร่งรัดการก่อหนี้กรณีที่มีเงินกัน
4.ให้หัวหน้าส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานอื่น และผู้ว่าราชการจังหวัด ติดตามและกำกับดูแลหน่วยงานในสังกัดให้ปฏิบัติตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณโดยเคร่งครัด 5.ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจและหน่วยงานอื่นที่มีเงินกันไว้เบิกเหลื่อมปีเร่งรัดการก่อหนี้และเบิกจ่ายเงินกันไว้เบิกเหลื่อมปีโดยเร็ว 6.กรณีมีความจำเป็นเร่งด่วนและสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล การแก้ไขปัญหา และการกระตุ้นเศรษฐกิจ รองนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีที่กำกับดูแลการปฏิบัติราชการของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจและหน่วยงานอื่นสามารถมอบหมายให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจและหน่วยงานอื่น พิจารณาทบทวนแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณและส่งให้สำนักงบประมาณพิจารณาเห็นชอบการปรับแผนฯตามระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป
อนึ่งร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2560 อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2560 ซึ่งจะพิจารณาแล้วเสร็จและนำเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาให้ความเห็นชอบวาระ 2-3 ในวันที่ 8 กันยายน 2559 และสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจะนำร่างพิจารณาพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2560ขึ้นทูลเกล้าฯถวายเพื่อลงพระปรมาภิไธยประกาศใช้เป็นกฎหมายต่อไป
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,190 วันที่ 8 - 10 กันยายน พ.ศ. 2559