'ธนวรรธน์' เตือนเงินทุนไหลเข้า–ดอลลาร์อ่อน ดันค่าบาทแข็ง กระทบธุรกิจอ่วม

24 ธ.ค. 2568 | 09:46 น.
อัปเดตล่าสุด :24 ธ.ค. 2568 | 10:34 น.

'ธนวรรธน์' ชี้ ค่าเงินบาทแข็งแรงกว่าคู่แข่งจากเงินทุนไหลเข้า ท่องเที่ยว–ทองคำ หนุนค่าเงิน หากหลุด 30 บาทต่อดอลลาร์ เสี่ยงกระทบส่งออก เกษตร ท่องเที่ยว และเศรษฐกิจไทยโดยรวม

KEY

POINTS

  • เงินบาทแข็งค่าอย่างรวดเร็วจากปัจจัยเงินทุนไหลเข้าและค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนตัวลง ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจไทย โดยเฉพาะภาคการส่งออก
  • สาเหตุหลักมาจากรายได้การส่งออกและการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว, เงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้าตลาดทุนและตราสารหนี้ รวมถึงการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ลดอัตราดอกเบี้ย
  • ผู้ประกอบการไทยเผชิญแรงกดดันจากต้นทุนที่สูงขึ้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในวงกว้างหากเงินบาทยังคงแข็งค่าต่อเนื่อง

นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมา ค่าเงินบาทมีการแข็งค่าอย่างรวดเร็ว โดยปรับตัวแรงกว่าหลายประเทศคู่แข่ง ขณะที่ค่าเงินของบางประเทศอ่อนค่าลงในระดับสูง ทำให้สินค้าของประเทศเหล่านั้นมีความได้เปรียบด้านราคา ส่งผลให้ผู้ประกอบการไทย 

โดยเฉพาะภาคส่งออก ต้องเผชิญแรงกดดันจากต้นทุนที่สูงขึ้น และความสามารถในการแข่งขันที่ลดลง ท่ามกลางสถานการณ์สงครามการค้าและเศรษฐกิจโลกที่ยังเปราะบาง

ทั้งนี้ ปัจจัยที่ทำให้เงินบาทแข็งค่า มาจากหลายส่วน ได้แก่ รายได้จากภาคส่งออกที่ยังมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวซึ่งสร้างรายได้เป็นเงินตราต่างประเทศจำนวนมาก รวมถึงการไหลเข้าของเงินทุนในตลาดตราสารหนี้และตลาดทุนไทย เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยและผลตอบแทนยังอยู่ในระดับที่จูงใจนักลงทุนต่างชาติ

ขณะเดียวกัน แนวโน้มค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลง หลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับลดอัตราดอกเบี้ย ก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้เงินบาทแข็งค่าเร็วขึ้น 

นอกจากนี้ ยังพบสัญญาณของเงินทุนไหลเข้าจากการซื้อขายทองคำ โดยเฉพาะการซื้อขายทองคำในรูปแบบสัญญา ซึ่งมีมูลค่าการซื้อขายสูงกว่าการซื้อขายทองคำแท่ง และมีลักษณะเป็นการเก็งกำไรในระยะสั้น

จากข้อมูลการหารือกระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทยและสำนักงานก.ล.ต. พบว่ามูลค่าการซื้อขายทองคำต่อวันอยู่ในระดับสูง และบางส่วนของเงินทุนที่ไหลเข้ามาในตลาดทองคำ อาจส่งผลต่อทิศทางค่าเงินบาทโดยตรง หากมีการแปลงเงินตราเข้ามาเก็งกำไรในประเทศ ซึ่งแตกต่างจากการลงทุนในภาคเศรษฐกิจจริง เช่น การผลิตหรือการลงทุนระยะยาว ซึ่งแนวทางการแก้ที่ออกมานั้นมาถูกทางแล้ว

นอกจากนี้ประเมินว่า ค่าเงินบาทที่เหมาะสมต่อเศรษฐกิจไทยควรอยู่ในระดับประมาณ 34–35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ หากเงินบาทแข็งค่าหลุดระดับ 30 บาทต่อดอลลาร์ อาจสร้างผลกระทบในวงกว้าง ทั้งต่อภาคเกษตร ภาคส่งออก ภาคการท่องเที่ยว และรายได้ของผู้ประกอบการไทย ซึ่งจะกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโดยรวม

นายธนวรรธน์ กล่าวทิ้งท้ายว่า การรักษาสมดุลระหว่างเสถียรภาพค่าเงินกับการเติบโตทางเศรษฐกิจ เป็นโจทย์สำคัญของไทยในช่วงเวลานี้ หากสามารถบริหารจัดการได้อย่างเหมาะสม จะช่วยลดแรงกระแทกจากเศรษฐกิจโลก และประคองเศรษฐกิจไทยให้เดินหน้าต่อไปได้อย่างมั่นคง