ทองคำปลายปี 68 แม้พักฐานแต่ไม่จบขาขึ้น กูรูแนะรอซื้อแนวรับ 63,500-62,900 บาท

16 ธ.ค. 2568 | 23:00 น.

โบรกส่องราคาทองคำยังอยู่ในช่วงขาขึ้น แม้จะมีการพักฐานหลังราคาขึ้นไปแตะ 4,353 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนะกลยุทธ์ 'รอย่อซื้อ–ขึ้นแบ่งขาย' ให้แนวรับ 63,500 บาท และแนวต้าน 66,000 บาท

KEY

POINTS

  • คาดการณ์ราคาทองคำปลายปี 2568 ยังคงเป็นแนวโน้มขาขึ้น แม้มีการปรับตัวลงแต่เป็นเพียงการพักฐานชั่วคราว
  • ปัจจัยหนุนมาจากความไม่แน่นอนของนโยบายการเงินเฟดและความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ ทำให้ทองคำยังคงสถานะเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย
  • นักวิเคราะห์แนะกลยุทธ์รอซื้อเมื่อราคาย่อตัว โดยให้แนวรับสำคัญสำหรับทองคำในประเทศที่ 63,500 บาท และ 62,900 บาท

นางสาวอารีรัตน์ มุราชัย หัวหน้านักวิเคราะห์ บริษัท จีแคป จำกัด หรือ GCAP GOLD ประเมินราคาทองคำในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2568 ว่า ราคาทองยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง หลังขึ้นไปแตะระดับ 4,353 ดอลลาร์ต่อออนซ์

แม้มีแรงขายทำกำไรออกมา แต่ภาพรวมยังอยู่ในช่วงขาขึ้น โดยการอ่อนตัวลงถูกมองว่าเป็นเพียงการพักฐาน ซึ่งแสดงให้เห็นว่านักลงทุนยังคงถือครองทองคำ เพื่อรับมือกับความไม่แน่นอนจากนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)

ที่ในปัจจุบันยังไม่มีความชัดเจน หลังเจ้าหน้าที่เฟด ออกมาระบุว่าแรงกดดันเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูง ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจบางส่วนอาจบิดเบือนจากผลกระทบการปิดหน่วยงานภาครัฐ ทำให้ตลาดยังไม่ให้น้ำหนักเต็มที่ต่อสัญญาณการผ่อนคลายนโยบายการเงิน

ขณะเดียวกันปัจจัยด้านความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ยังคงเป็นแรงพยุงสำหรับทองคำ หลังการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซีย - ยูเครน ไม่มีความคืบหน้า ในขณะเดียวกันทางสหรัฐฯ เองได้แสดงท่าทีไม่พอใจต่อกระบวนการดังกล่าว

นอกจากนี้ ปัญหาทางการเมืองของสหรัฐฯ ส่งผลต่อมุมมองนโยบายการเงินในอนาคต จากการพูดถึงตัวเต็งประธานเฟดคนใหม่ในยุคทรัมป์ ซึ่งตลาดประเมินว่าอาจสนับสนุนนโยบายดอกเบี้ยต่ำมากขึ้น ภาพรวมจึงยังเอื้อต่อการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย แม้ราคาจะผันผวนตามกระแสข่าวในระยะสั้น

ขณะเดียวกันยังคงต้องจับตาปัจจัยสำคัญที่ตลาดทองคำต้องติดตามในสัปดาห์นี้ คือ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (Nonfarm Payrolls) ของสหรัฐฯ ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อทิศทางราคาทองคำในระยะสั้น หากตัวเลขออกมาตามคาดที่ราว 50,000 ตำแหน่ง หรือ อ่อนกว่าคาด จะสะท้อนภาพตลาดแรงงานที่เริ่มอ่อนแรง 

และเพิ่มแรงกดดันให้เฟด ต้องผ่อนคลายนโยบายการเงินมากกว่าที่ประเมินไว้ ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองคำโดยตรง แต่หากตัวเลข Nonfarm ยังแข็งแกร่ง ค่าแรงและการจ้างงานไม่ชะลอตัวตามที่ตลาดคาด อาจกดดันให้ทองคำเผชิญแรงขายทำกำไรในระยะสั้น

ต่อประเด็นดังกล่าว ทางฝ่ายวิจัยได้แนะนำกลยุทธ์รอซื้อช่วงราคาย่อตัว และทยอยขายเมื่อราคาปรับขึ้น โดยแนวรับสำคัญ อยู่ที่ 4,250 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และ 4,200 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากราคาสามารถผ่านแนวต้าน 4,353 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ จะเปิดทางทดสอบระดับสูงสุดเดิมที่ 4,380 ดอลลาร์ต่อออนซ์

และมีโอกาสเร่งตัวขึ้นสู่โซน 4,450 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ส่วนราคาทองคำในประเทศ แนวรับสำหรับเข้าซื้อ อยู่ที่ 63,500 บาท และ 62,900 บาท ขณะที่แนวต้านสำหรับแบ่งขายทำกำไรอยู่ในช่วง 65,300 บาท และ 66,000 บาท