ค่าเงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบเกือบ 3 เดือน (นับตั้งแต่ 18 ก.ย.) ที่ระดับ 31.67 บาทต่อดอลลาร์ฯ ก่อนจะกลับมาปิดตลาดที่ระดับ 31.74 บาทต่อดอลลาร์ฯ แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับระดับปิดในประเทศของวันทำการก่อนหน้าที่ 31.82 บาทต่อดอลลาร์ฯ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นตามภาพรวมของสกุลเงินในเอเชีย ขณะที่ Sentiment ของเงินดอลลาร์ฯ อ่อนแอลงต่อเนื่องเนื่องจากตลาดประเมินสัญญาณจากการประชุมเฟดล่าสุดว่า เฟดยังมีแนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงต่อเนื่องในปีหน้า หลังจากที่ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงมาที่ 3.50-3.75% ในการประชุม 9-10 ธ.ค. ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ การแข็งค่าของเงินบาทยังสอดคล้องกับสถานะซื้อสุทธิพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติด้วยเช่นกัน โดยในวันนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิพันธบัตรไทย 2,345 ล้านบาท (แต่ขายสุทธิหุ้นไทย 889 ล้านบาท)
ส่วนค่าเฉลี่ย Indicative forward points ของธุรกรรมระยะ 3 เดือนสำหรับผู้ประกอบการที่มีรายได้ 50-200 ล้านบาทต่อปี รายงานข้อมูล ณ 10.00 น. วันที่ 11 ธันวาคม 2568 จากเว็บไซต์ ธปท. อยู่ที่ -21.58 สำหรับผู้ส่งออก (ขายเงินดอลลาร์ฯ ล่วงหน้า) และที่ -17.70 สำหรับผู้นำเข้า (ซื้อเงินดอลลาร์ฯ ล่วงหน้า)
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันพรุ่งนี้ ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 31.60-31.80 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ การตอบรับของตลาดต่อผลการประชุมเฟด ฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ ทิศทางค่าเงินเอเชียและราคาทองคำในตลาดโลก ประเด็นความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา และสัญญาณดอกเบี้ยสหรัฐฯ จากถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด