กูรูเตือนจับตาจีนเปลี่ยนเกมภาษีทอง แนะสะสมทองกรอบ 60,300-59,800 บาท

05 พ.ย. 2568 | 23:00 น.

โบรกส่องราคาทองคำสัปดาห์นี้ยังเผชิญแรงกดดัน หลังจีนยกเลิกมาตรการสนับสนุนภาษีทองคำ กระทบต้นทุนพุ่ง จับตากองทุนรายใหญ่กลับซื้อสุทธิในรอบ 10 วัน กว่า 500 ล้านดอลลาร์ หลังผ่านช่วงเทขายหนักสุดในรอบทศวรรษ แนะกลยุทธ์สะสมเมื่อราคาย่อตัว กรอบ 60,300-59,800 บาท

KEY

POINTS

  • จีนประกาศยกเลิกมาตรการ "อุ้มภาษีทองคำ" ทำให้ต้นทุนทองในประเทศสูงขึ้น ซึ่งอาจกดดันให้ความต้องการทองคำชะลอตัวในระยะสั้น
  • นักวิเคราะห์แนะเป็นจังหวะทยอยสะสมทองคำเมื่อราคาย่อตัว โดยประเมินกรอบแนวรับสำคัญไว้ที่ 60,300-59,800 บาท
  • แม้มีปัจจัยลบจากจีน แต่กองทุนทองคำขนาดใหญ่เริ่มกลับเข้ามาลงทุนอีกครั้ง สะท้อนความเชื่อมั่นในทองคำที่ยังคงอยู่

นางสาวอารีรัตน์ มุราชัย หัวหน้านักวิเคราะห์ บริษัท จีแคป จำกัด หรือ GCAP GOLD เปิดเผยว่า ราคาทองคำในสัปดาห์นี้ (6-9 พ.ย. 68) ได้รับแรงกดดันรอบใหม่ หลังรัฐบาลจีนประกาศยกเลิกมาตรการ “อุ้มภาษีทองคำ” ที่ใช้มาอย่างยาวนาน ซึ่งมีผลบังคับใช้แล้วเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2568 ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ด้วยกฎใหม่ที่มีการบังคับใช้สำหรับผู้ค้าปลีกที่ซื้อทองผ่าน Shanghai Gold Exchange (SGE) จะทำให้ไม่สามารถนำภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) มาหักภาษีตอนขายทองได้อีก

ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงนโยบายดังกล่าว ส่งผลให้ต้นทุนทองคำในประเทศจีนสูงขึ้นทันที อาทิ ทองคำแท่ง, เหรียญ และเครื่องประดับ ซึ่งอาจทำให้ความต้องการทองคำในประเทศจีน ซึ่งเป็นตลาดบริโภคทองที่ใหญ่ที่สุดของโลก ชะลอตัวลงในระยะสั้น

ทั้งนี้ ราคาทองคำในตลาดโลกได้ผ่านช่วงเวลาของการเทขายหนักสุดในรอบกว่าทศวรรษ หลังจากนักลงทุนพากันขายทำกำไรจากระดับสูงสุดที่ 4,380 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือคิดเป็นราคาทองคำไทยอยู่ประมาณ 67,800 บาท (ณ อัตราแลกเปลี่ยนวันที่ 5 พ.ย.68 ที่ระดับ 32.57 บาท) รวมถึงการไหลออกของเม็ดเงินจากกองทุน ETF และความคลี่คลายจากการเจรจาทางการค้าสหรัฐฯ – จีน

และล่าสุดทางกองทุนทองคำขนาดใหญ่เริ่มกลับมาลงทุนในตลาดทองคำครั้งแรกในรอบกว่า 10 วัน รวมมูลค่าภายในวันเดียวกว่า 500 ล้านดอลลาร์ สะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนเริ่มกลับเข้าซื้ออีกครั้ง หลังจากที่ราคาทองคำเริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น

พร้อมกันนี้กลุ่มนักลงทุนเชิงกลยุทธ์หรือ CTAs ได้ทยอยลดสถานะขายลง จนเหลือเกือบเป็นกลาง และนักลงทุนสถาบันรายใหญ่ยังคงถือสถานะซื้อ (Long) อย่างต่อเนื่อง ตอกย้ำให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในทองคำที่ยังไม่หายไปจากตลาด ถึงแม้ว่าราคาจะเผชิญกับความผันผวนอย่างรุนแรงในช่วงก่อนหน้านี้

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในสัปดาห์นี้ ฝ่ายวิเคราะห์ประเมินว่า ราคาทองคำอาจเข้าสู่ช่วงสะสมพลังรอบใหม่ ก่อนเตรียมตั้งหลักเพื่อฟื้นตัวขึ้นอีกครั้ง สำหรับนักลงทุนทั้งระยะสั้น และระยะกลางสามารถทยอยสะสมเมื่อราคาย่อตัว

โดยคาดว่าทองคำจะสร้างฐานบริเวณแนวรับสำคัญที่ 3,950–3,915 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือคิดเป็นราคาทองคำไทยอยู่ประมาณ 60,300-59,800 บาท ซึ่งมีแนวต้านสำคัญที่ต้องจับตาที่ 4,160–4,185 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือคิดเป็นราคาทองคำไทยประมาณ 63,500–64,000 บาท

อย่างไรก็ตาม หากผ่านโซนแนวต้านดังกล่าวขึ้นไปได้คาดว่าจะเปิดทางสู่แนวโน้มขาขึ้นรอบใหม่ แม้จะมีปัจจัยจากประเทศจีนกดดันระยะสั้น แต่ปัจจัยหนุนหลักยังมาจาก แนวโน้มการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ในปี 2569, การเข้าซื้อทองคำอย่างต่อเนื่องของธนาคารกลางทั่วโลก และความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ซึ่งยังคงตอกย้ำบทบาทของทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง