KEY
POINTS
(3 พ.ย.68) ราคาทองคำเคลื่อนไหวทรงตัวในวันจันทร์ โดยได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐ หลังนักลงทุนเริ่มลดความคาดหวังต่อการปรับลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในระยะใกล้ ขณะที่บรรยากาศการค้าโลกที่ผ่อนคลายลงระหว่างสหรัฐฯ และจีนยิ่งลดแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
ข้อมูลล่าสุดระบุว่า ราคาทองคำสปอตทรงตัวที่ 4,000.65 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ณ เวลา 05.04 GMT) ขณะที่สัญญาทองคำล่วงหน้าสหรัฐฯ ส่งมอบเดือนธันวาคมขยับขึ้นเล็กน้อย 0.4% มาที่ 4,010 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยราคาทองคำร่วงลงมาราว 9% จากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 4,381.21 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เมื่อวันที่ 20 ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลโดยตรงจากการแข็งค่าของดอลลาร์แตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 3 เดือน
เคลวิน หว่อง นักวิเคราะห์ตลาดอาวุโสจาก OANDA เปิดเผยว่า “ทองคำขาดแรงหนุนด้านเทคนิคและยังถูกกดดันจากดอลลาร์ที่แข็งค่า ซึ่งเป็นปัจจัยลบต่อทิศทางราคาในช่วงนี้”
สถานการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังเฟดประกาศ ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% เมื่อวันที่ 29 ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งนับเป็นการลดดอกเบี้ยครั้งที่สองของปีนี้ แต่ถ้อยแถลงเชิงเข้มจากประธานเฟด เจอโรม พาวเวลล์ ภายหลังการประชุมกลับสร้างความไม่แน่นอนให้ตลาด โดยนักลงทุนเริ่มสงสัยว่าเฟดอาจยังไม่รีบลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมในปี 2025
ข้อมูลจากเครื่องมือ CME FedWatch Tool ระบุว่า ขณะนี้นักลงทุนประเมินความเป็นไปได้ของการลดดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนธันวาคมไว้ที่เพียง 71% จากเดิมกว่า 90% ก่อนพาวเวลล์แถลง ทำให้แรงเก็งกำไรในทองคำลดลงอย่างชัดเจน
ทองคำมักปรับตัวดีในภาวะดอกเบี้ยต่ำ เพราะเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทน (non-yielding asset) แต่เมื่อแนวโน้มดอกเบี้ยยังทรงหรืออาจกลับมาสูงขึ้น แรงดึงดูดต่อทองคำจึงลดลง นักลงทุนบางส่วนเริ่มหันไปสู่สินทรัพย์เสี่ยงอย่างตลาดหุ้นแทน
หว่องกล่าวเพิ่มเติมว่า “แรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยลดลงในช่วงนี้ เพราะความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนเริ่มคลี่คลาย นักลงทุนบางส่วนจึงโยกพอร์ตไปสู่การลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงขึ้น”
ปัจจัยบวกต่อบรรยากาศการค้าโลกมาจากคำแถลงของ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งระบุเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า สหรัฐฯ เห็นชอบให้ ปรับลดภาษีนำเข้าจากจีน แลกกับข้อตกลงที่ปักกิ่งยินยอมในหลายประเด็น รวมถึงการควบคุมการค้ายาเฟนทานิลผิดกฎหมาย การนำเข้าถั่วเหลืองจากสหรัฐฯ และการส่งออกแร่แรร์เอิร์ธ
ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่จะประกาศในสัปดาห์นี้ เช่น ตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชน (ADP) และ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (ISM PMI) เพื่อประเมินทิศทางเศรษฐกิจและแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของเฟดในระยะต่อไป
สำหรับตลาดโลหะมีค่าชนิดอื่น ราคาซิลเวอร์สปอตเพิ่มขึ้น 0.2% สู่ระดับ 48.75 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แพลทินัมพุ่ง 1.5% อยู่ที่ 1,590.86 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ พัลลาเดียมอ่อนตัวลงเล็กน้อย 0.1% อยู่ที่ 1,432.18 ดอลลาร์ต่อออนซ์
แม้ทองคำยังรักษาระดับได้ใกล้ 4,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ด้วยแนวโน้มดอลลาร์ที่แข็งแกร่งและท่าทีระมัดระวังของเฟด ทำให้ตลาดทองคำในระยะสั้นอาจยังขาดแรงหนุนจากฝั่งนักลงทุนที่รอความชัดเจนของนโยบายการเงินในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้