KEY
POINTS
นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด เปิดเผยว่า ทางฝ่ายประเมินแนวโน้มราคาทองคำในสัปดาห์นี้ (29 ต.ค. - 2 พ.ย. 68) มีโอกาสเคลื่อนไหวผันผวน จากแรงกดดันของนักลงทุนที่เริ่มคลายความกังวลต่อสถานการณ์การค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน
หลังมีรายงานว่ากระทรวงพาณิชย์จีนออกแถลงการณ์ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่า รองนายกรัฐมนตรีของจีน จะเข้าร่วมการเจรจาการค้ารอบใหม่กับเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ในช่วงระหว่างวันที่ 24 - 27 ต.ค. ที่ประเทศมาเลเซีย โดยมีเป้าหมายที่จะคลี่คลายความตึงเครียดด้านการค้าระหว่างสองประเทศ
อีกทั้ง โฆษกทำเนียบขาวได้ออกมาเผยเพิ่มเติมว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะพบปะกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ในวันที่ 30 ต.ค. 68 นี้ เพื่อหารือแนวทางความร่วมมือทางเศรษฐกิจ
นอกเหนือจากนี้ ข้อตกลงทางการค้าระหว่างสหรัฐและอินเดียมีแนวโน้มใกล้บรรลุผล ซึ่งอาจลดภาษีสินค้าส่งออกจากอินเดียลงจาก 50% เหลือเพียง 15 - 16% ขณะที่ทำเนียบขาวเปิดเผยว่าสถานการณ์ ชัตดาวน์ของหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐอาจสิ้นสุดลงภายในสัปดาห์นี้ ส่งผลให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
ประกอบกับความคาดหวังที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์นี้ รวมถึงความไม่แน่นอนจากสถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน ซึ่งยังคงเป็นปัจจัยสนับสนุนราคาทองคำ
ขณะที่สถานการณ์ในฉนวนกาซากลับมาตึงเครียดอีกครั้ง หลังการปะทะกันอย่างรุนแรงระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสในสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 46 ราย แม้ทั้งสองฝ่ายจะอยู่ในระหว่างข้อตกลงหยุดยิงก็ตาม ขณะที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ขู่ว่าจะทำลายล้างกลุ่มฮามาส หากมีการละเมิดข้อตกลงหยุดยิง
มองว่าแผนการจัดการประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ และประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ที่กรุงบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี ได้ถูกยกเลิกแล้ว โดยผู้นำสหรัฐให้เหตุผลว่า ยังไม่มีความคืบหน้าในการเจรจาทางการทูต และช่วงเวลายังไม่เอื้อต่อการประชุมดังกล่าว ส่งผลให้รัสเซียได้เปิดฉากโจมตีใส่ยูเครนระลอกใหม่ด้วยโดรนและขีปนาวุธในวันที่ 22 ต.ค. ที่ผ่านมา ส่งผลให้พลเรือนในกรุงเคียฟเสียชีวิตอย่างน้อย 2 ราย และบาดเจ็บอีกจำนวนมาก โดยเหตุการณ์ล่าสุดสะท้อนให้เห็นว่าความพยายามในการสร้างสันติภาพของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ยังคงคว้าน้ำเหลว
จากปัจจัยที่กล่าวมาข้างต้น เป็นผลให้ทางฝ่ายวิจัยแนะนำให้นักลงทุนจับตาผลการประชุมเฟดอย่างใกล้ชิด แม้ตลาดจะตอบรับแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยไปแล้วในระดับหนึ่ง แต่อาจเกิดแรงขายในลักษณะ “Sell on Fact” ซึ่งส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวลดลงอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ทางฝ่ายประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในสัปดาห์นี้ จะอยู่ที่ระดับ 3,850 – 4,050 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือคิดเป็นราคาทองไทยที่ประมาณ 59,300 - 62,500 บาท (อิงอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 28 ต.ค. ที่ระดับ 32.44 บาท) โดยแนะนำให้พิจารณาขายเมื่อราคาปรับตัวขึ้น