ทองคำสัปดาห์นี้ผันผวน จับตาเฟด–ทรัมป์พบสีจิ้นผิง กดดันราคาทองร่วง 59,300 บาท

28 ต.ค. 2568 | 23:00 น.

โบรกส่องราคาทองคำสัปดาห์นี้ยังผันผวน หลังนักลงทุนเริ่มคลายกังวลสงครามการค้าสหรัฐ–จีน ขณะเฟดมีแนวโน้มลดดอกเบี้ย หนุนแรงขายทำกำไรระยะสั้น ด้านวางกรอบทองสัปดาห์นี้ 59,300–62,500 บาท แนะนักลงทุนจับตาประชุมเฟดใกล้ชิดและขายเมื่อราคาดีดตัวขึ้น

KEY

POINTS

  • ราคาทองคำในสัปดาห์นี้คาดว่าจะมีความผันผวนสูง โดยมีปัจจัยกดดันหลักจากการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) และการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน
  • ความกังวลที่ลดลงเกี่ยวกับสงครามการค้า หลังการเตรียมพบปะกันระหว่างผู้นำสหรัฐฯ และจีน ทำให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
  • แม้ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์จะยังเป็นปัจจัยหนุน แต่คาดว่าราคาทองอาจปรับตัวลดลง โดยมีการประเมินกรอบราคาในประเทศไว้ที่ 59,300 - 62,500 บาท

นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด เปิดเผยว่า ทางฝ่ายประเมินแนวโน้มราคาทองคำในสัปดาห์นี้ (29 ต.ค. - 2 พ.ย. 68) มีโอกาสเคลื่อนไหวผันผวน จากแรงกดดันของนักลงทุนที่เริ่มคลายความกังวลต่อสถานการณ์การค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน

หลังมีรายงานว่ากระทรวงพาณิชย์จีนออกแถลงการณ์ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่า รองนายกรัฐมนตรีของจีน จะเข้าร่วมการเจรจาการค้ารอบใหม่กับเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ในช่วงระหว่างวันที่ 24 - 27 ต.ค. ที่ประเทศมาเลเซีย โดยมีเป้าหมายที่จะคลี่คลายความตึงเครียดด้านการค้าระหว่างสองประเทศ

อีกทั้ง โฆษกทำเนียบขาวได้ออกมาเผยเพิ่มเติมว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะพบปะกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ในวันที่ 30 ต.ค. 68 นี้ เพื่อหารือแนวทางความร่วมมือทางเศรษฐกิจ

นอกเหนือจากนี้ ข้อตกลงทางการค้าระหว่างสหรัฐและอินเดียมีแนวโน้มใกล้บรรลุผล ซึ่งอาจลดภาษีสินค้าส่งออกจากอินเดียลงจาก 50% เหลือเพียง 15 - 16% ขณะที่ทำเนียบขาวเปิดเผยว่าสถานการณ์ ชัตดาวน์ของหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐอาจสิ้นสุดลงภายในสัปดาห์นี้ ส่งผลให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย

ประกอบกับความคาดหวังที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์นี้ รวมถึงความไม่แน่นอนจากสถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน ซึ่งยังคงเป็นปัจจัยสนับสนุนราคาทองคำ

ขณะที่สถานการณ์ในฉนวนกาซากลับมาตึงเครียดอีกครั้ง หลังการปะทะกันอย่างรุนแรงระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสในสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 46 ราย แม้ทั้งสองฝ่ายจะอยู่ในระหว่างข้อตกลงหยุดยิงก็ตาม ขณะที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ขู่ว่าจะทำลายล้างกลุ่มฮามาส หากมีการละเมิดข้อตกลงหยุดยิง

มองว่าแผนการจัดการประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ และประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ที่กรุงบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี ได้ถูกยกเลิกแล้ว โดยผู้นำสหรัฐให้เหตุผลว่า ยังไม่มีความคืบหน้าในการเจรจาทางการทูต และช่วงเวลายังไม่เอื้อต่อการประชุมดังกล่าว ส่งผลให้รัสเซียได้เปิดฉากโจมตีใส่ยูเครนระลอกใหม่ด้วยโดรนและขีปนาวุธในวันที่ 22 ต.ค. ที่ผ่านมา ส่งผลให้พลเรือนในกรุงเคียฟเสียชีวิตอย่างน้อย 2 ราย และบาดเจ็บอีกจำนวนมาก โดยเหตุการณ์ล่าสุดสะท้อนให้เห็นว่าความพยายามในการสร้างสันติภาพของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ยังคงคว้าน้ำเหลว

จากปัจจัยที่กล่าวมาข้างต้น เป็นผลให้ทางฝ่ายวิจัยแนะนำให้นักลงทุนจับตาผลการประชุมเฟดอย่างใกล้ชิด แม้ตลาดจะตอบรับแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยไปแล้วในระดับหนึ่ง แต่อาจเกิดแรงขายในลักษณะ “Sell on Fact” ซึ่งส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวลดลงอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม ทางฝ่ายประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในสัปดาห์นี้ จะอยู่ที่ระดับ 3,850 – 4,050 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือคิดเป็นราคาทองไทยที่ประมาณ 59,300 -  62,500 บาท (อิงอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 28 ต.ค. ที่ระดับ 32.44 บาท) โดยแนะนำให้พิจารณาขายเมื่อราคาปรับตัวขึ้น