ค่าเงินบาทปิดตลาดวันที่ 11ก.ค.ที่ระดับ 32.43 บาทต่อดอลลาร์

11 ก.ค. 2568 | 11:34 น.
อัปเดตล่าสุด :11 ก.ค. 2568 | 11:38 น.

ค่าเงินบาทกลับมาพลิกแข็งค่าผ่านแนว 32.50 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงท้ายสัปดาห์ท่ามกลางธุรกรรมที่เบาบางของตลาดในประเทศ กรอบการเคลื่อนไหวในสัปดาห์หน้า 14-18 ก.ค. ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 32.20-32.80 บาทต่อดอลลาร์

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่าค่าเงินบาทปิดตลาดวันที่11ก.ค.ที่ระดับ 32.43 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับปิดตลาดเมื่อวันพุธที่ผ่านมาที่ 32.70 บาทต่อดอลลาร์ฯ
โดยเงินบาทกลับมาพลิกแข็งค่าผ่านแนว 32.50 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงท้ายสัปดาห์ท่ามกลางธุรกรรมที่เบาบางของตลาดในประเทศ


ประกอบกับมีแรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในตลาดโลกท่ามกลางความกังวลในเรื่องความไม่แน่นอนของมาตรการภาษีสินค้านำเข้าของสหรัฐฯ สำหรับทิศทางฟันด์โฟลว์ในวันนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย 2,187 ล้านบาท แต่มีสถานะอยู่ในฝั่ง Net Outflows ออกจากตลาดพันธบัตรไทย 3,193 ล้านบาท 

ส่วนค่าเฉลี่ย Indicative forward points ของธุรกรรมระยะ 3 เดือนสำหรับผู้ประกอบการที่มีรายได้ 50-200 ล้านบาทต่อปี รายงานข้อมูล ณ 10.00 น. วันที่ 11 กรกฎาคม 2568 จากเว็บไซต์ ธปท. อยู่ที่ -24.32 สำหรับผู้ส่งออก (ขายเงินดอลลาร์ฯ ล่วงหน้า) และที่ -21.17 สำหรับผู้นำเข้า (ซื้อเงินดอลลาร์ฯ ล่วงหน้า)

สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในสัปดาห์หน้า (14-18 ก.ค.) ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 32.20-32.80 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ประเด็นเกี่ยวกับมาตรการภาษีสินค้านำเข้าของสหรัฐฯ กับประเทศคู่ค้า (รวมถึงไทย)

ฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ และทิศทางราคาทองคำในตลาดโลก ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิต การผลิตภาคอุตสาหกรรม ยอดค้าปลีก และข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านเดือนมิ.ย. ผลสำรวจภาคการผลิตของเฟดนิวยอร์ก ผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจของเฟดสาขาฟิลาเดลเฟีย
ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัย และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (เบื้องต้น) เดือนก.ค. ตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และรายงาน Beige Book ของเฟด นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามตัวเลขเศรษฐกิจเดือนมิ.ย. และข้อมูลจีดีพีไตรมาส 2/2568 ของจีน และข้อมูลอัตราเงินเฟ้อเดือนมิ.ย. ของอังกฤษ ยูโรโซนและญี่ปุ่น