ธปท.กำกับเช่าซื้อลิสซิ่งทั้งรถยนต์ -มอไซด์ครอบคลุม 3,000แห่ง เร่งออกเกณฑ์กำกับ 3ธ.ค.68

12 มิ.ย. 2568 | 22:50 น.

ธปท.ย้ำ 2วัตถุประสงค์ “ “คุ้มครองผู้บริโภค-ลดหนี้ครัวเรือน รักษาเสถียรภาพระบบเศรษฐกิจการเงิน”ภายใต้พ.ร.ฎ.เช่าซื้อลีสซิ่ง เร่งออกเกณฑ์ 3ธ.ค.เผยเปิดระบบให้ผู้ประกอบการลงทะเบียนภายใน 6เดือน เริ่มตั้งแต่ก.ย.ปีนี้ พร้อมถกสคบ.คุมเพดานดอกเบี้ย

นางสาวพีรจิต ปัทมสูต ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายคุ้มครองและตรวจสอบบริการทางการเงินธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวในงาน Media briefing  เรื่อง การกำกับดูแลธุรกิจการให้เช่าซื้อและการให้เช่าแบบลีสซิ่งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ตาม "พระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) กำหนดให้การประกอบธุรกิจการให้เช่าซื้อและการให้เช่าแบบลีสซิ่งรถยนต์และรถจักรยานยนต์อยู่ภายใต้บังคับของพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)ธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 พ.ศ. 2568"   หรือ พ.ร.ฎ. เช่าซื้อลีสซิ่งฯ ซึ่งจะมีผลใช้บังคับ 2ธ.ค.2568 หรือ 180วันหลังประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 5มิ.ย.2568

ภายใต้พ.ร.ฎ.เช่าซื้อลีสซิ่งฯฉบับนี้จะต่างจากธุรกิจอื่น คือ ผู้ประกอบการเช่าซื้อและลีสซิ่งที่อยู่ภายใต้พ.ร.ฎ.ฉบับนี้จะเป็นระบบรายงานตัวโดยไม่ต้องขออนุญาตแต่จะเป็นระบบรายงานตัว เนื่องจากที่ผ่านมาธปท.ยังไม่ได้กำกับจึงต้องอาศัยข้อมูลจากผู้ประกอบการเข้ามาลงทะเบียนโดยทำโฟกัสกรุ๊ป (เพื่อเริ่มเห็นว่ามีเกณฑ์ใดที่ต้องปรับหรือออกประกาศบ้าง)  สำหรับใช้ประกอบในการทำนโยบายและกำกับดูแล  

 เมื่อธปท.ออกกฎเกณฑ์มาจะมีสิ่งที่ต้องปฎิบัติตาม บางเรื่องธปท.จะบังคับใช้ทันที แต่บางเรื่องจะค่อยๆทยอยบังคับใช้เป็นเฟส เช่น การรายงานข้อมูลจะมีผลตั้งแต่เดือนธ.ค.2568แต่จุดแรกรายงานข้อมูลอาจจะเป็นปี 2570 เพื่อให้ผู้ประกอบการเตรียมระบบ/ข้อมูล (จะมีข้อมูลเบื้องต้นก่อน  ตอนมารายงานตัว แต่ระหว่างนั้นผู้ประกอบการสามารถจัดทำระบบข้อมูลของตัวเองเพื่อจะรายงานได้อย่างถูกต้อง

นางสาวพีรจิตกล่าวว่า เมื่อพรฎ.เช่าซื้อลีสซิ่งฯมีผลบังคับใช้ ผู้ประกอบการที่จะอยู่ภายใต้กำกับมีประมาณ 3,000แห่ง(บวกลบ) โดยทั้งรายใหญ่รายเล็กทุกคนต้องเข้ามารายงานข้อมูลกับธปท.  ไม่ยกเว้น

กรณีไม่ได้เข้ามาลงทะเบียนภายในกำหนดจะมีบทลงโทษปรับด้วย  ซึ่งรายที่ไม่เข้ามารายงานตัวทางธปท.จะทำหนังสือแจ้งให้เข้ามารายงานตัว กรณีไม่ได้ประกอบธุรกิจแล้วก็ให้แจ้งกลับมายังะปท.

โดยผู้ประกอบการ 3,000ราย(เป็นข้อมูลที่ได้จากกรมพัฒนาธุรกิจกระทรวงพาณิชย์ และสมาคมผู้ประกอบธุรกิจเช่าซื้อฯ  เป็นรายใหญ่กับรายกลางราว 100ราย พอร์ตสินเชื่อต่อราย 1,000ล้านบาทมีประมาณ 60ราย, พอร์ต 100-1,000ล้านบาทมีประมาณ 150ราย และพอร์ตต่ำกว่า 100ล้านบาท

“ตอนนี้เรายังออกกฎเกณฑ์ไม่ได้ เพราะไม่มีข้อมูลเพราะเขาไม่ได้อยู่ภายใต้กำกับ ข้อมูลที่ได้เราได้จากกรมพัฒนาธุรกิจและSurvey จากบริษัทใหญ่ แต่พอผู้ประกอบการเข้ามารายงานข้อมูลในระบบแล้วจะทำให้มีข้อมูลที่ดีขึ้น จะทำให้นโยบายธปท.ตอบโจทย์มากขึ้น”

สำหรับแนวทางในการกำกับของธปท.จะทำตามหลักการได้สัดส่วน(Proportionality)  ถ้าบริษัทรายใหญ่เรื่องการตรวจสอบจะเข้มข้น เพราะเมื่อเกิดปัญหาจะกระทบลูกค้าจำนวนมาก  ส่วนรายเล็กจะใช้เทคโนโลยี่ในการกำกับตรวจสอบ/สุ่มตรวจว่า บริษัทปฎิบัติตามเกณฑ์หรือไม่ หรือโฆษณาถูกต้อง??หรือมีเรื่องร้องเรียนจากผู้บริโภคมากหรือน้อย  ถ้าธปท.เห็นสัญญาณว่ามีปัญหาตรงไหนจะเข้าไปตรวจ

ธปท.กำกับเช่าซื้อลิสซิ่งทั้งรถยนต์ -มอไซด์ครอบคลุม 3,000แห่ง เร่งออกเกณฑ์กำกับ 3ธ.ค.68

“ แผนงานสั้นๆ เพื่อให้กฎเกณฑ์ออกมาได้ในวันที่พ.ร.ฎ.มีผลบังคับใช้ 2ธ.ค.2568   โดยเดือนหน้าธปท.จะเริ่มทำโฟกัสกรุ๊ปกับผู้ประกอบการเพื่อรับทราบปัญหาหรือรับทราบข้อมูลที่ชัดเจนขึ้น  หรือความเห็นในการกำกับดูแลในอนาคต  และกระบวนการทำนโยบายของธปท. ทั้งออกร่างเกณฑ์  ทำเฮียร์ริ่งเข้าคณะกรรมการนโยบายสถาบันการเงิน เป็นกระบวนการทำงานปกติ และประกาศกฎเกณฑ์ในวันที่ 3ธ.ค. 2568 

 สิ่งที่อยากเน้นย้ำกับผู้ประกอบการในรอบนี้อยากให้ติดตามข่าวสารของธปท. ขอให้ผู้ประกอบการทยอยเข้ามารายงานตัว โดยธปท.จะเปิดให้รายงานตัวประมาณ 6เดือน เฉลี่ย 500แห่งต่อวันจากผู้ประกอบการกลุ่มเป้าหมายที่ประมาณ 3,000รายซึ่งน่าจะเริ่มเปิดระบบให้รายงานตัวในช่วงเดือนก.ย.(สิ้นสุดระยะเวลาการรายงานตัวไตรมาส1ปี2569)”

นางสาวพีรจิตกล่าวเพิ่มเติมในแง่การกำกับดูแลภายใต้พ.ร.ฎ.เช่าซื้อลีสซิ่งฯ โดยระบุว่า มี  2วัตถุประสงค์ คือ เพื่อคุ้มครองผู้บริโภคให้ได้รับบริการที่เป็นธรรม  ไม่ว่าเรื่องอัตราดอกเบี้ย  เรื่องค่าธรรมเนียม  การปรับโครงสร้างหนี้ และการรักษาเสถียรภาพระบบเศรษฐกิจการเงิน(Macro prudential ) หรือดูแลเรื่องหนี้ครัวเรือนของประเทศไทย

 ในแง่ประโยชน์จากการกำกับดูแลของธปท.ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตนั้น สำหรับลูกค้า/ผู้ใช้บริการจะมีการคุ้มครองไม่ว่าการคิดอัตราดอกเบี้ย  ค่าธรรมเนียม  หรือการปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งมีมาตรฐานเดียวกัน เป็นธรรมและโปร่งใส นอกจากนี้ข้อมูลต่างๆมีความชัดเจนซึ่งลูกค้าสามารถเปรียบเทียบและเลือกใช้บริการจากผู้ประกอบการที่ให้สิทธิประโยชน์ที่ดีกว่าและ

ในส่วนของผู้ประกอบธุรกิจนั้นจะมี 2ส่วนได้แก่ 1.การยกระดับมาตรฐานให้เป็นมาตรฐานเดียวกันและเป็นที่น่าเชื่อถือของประชาชนด้วยและ2.ทุกคนจะเข้ามาอยู่ภายใต้กำกับเดียวกันและมีการปฎิบัติที่เท่าเทียมกัน โดยสามารถมองเห็นข้อมูลและสามารถดูแลเสถียรภาพระบบการเงินได้ดีมากยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตามขอบเขตของพ.ร.ฎ.เช่าซื้อลีสซิ่งฯ กำกับนิติบุคคลทุกชนิดที่ประกอบธุรกิจเช่าซื้อและลิสซิ่ง ยกเว้นผู้ประกอบธุรกิจที่อยู่ภายใต้การกำกับอื่นๆ เช่น พ.ร.บ.สถาบันการเงิน อยู่แล้ว เช่น ธนาคารพาณิชย์ กับสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐหรือ SFIs และสหกรณ์แท็กซี่

-ประเภทรถยนต์ รถจักรยานยนต์ (ดูภาพประกอบขอบเขตกำกับ)

ธปท.กำกับเช่าซื้อลิสซิ่งทั้งรถยนต์ -มอไซด์ครอบคลุม 3,000แห่ง เร่งออกเกณฑ์กำกับ 3ธ.ค.68 ทั้งนี้  รถแทรกเตอร์   รถบด รถพ่วงไม่อยู่ภายใต้พ.ร.ฎ.เช่าซื้อลีสซิ่งฉบับนี้

วิธีการกำกับของธปท.คือ การกำหนดหลักเกณฑ์ กรณีต้องขออนุญาต  /มีการเปลี่ยนแปลงหรือขอผ่อนผัน ที่ต้องแจ้งธปท.เพื่อเข้าไปตรวจสอบและสั่งให้ดำเนินการแก้ไข   สิ่งที่น่าสนใจคือ เรื่องหลักเกณฑ์ว่าธปท.จะกำหนดหลักเกณฑ์กำกับ 

ซึ่งพ.ร.ฎกำหนดหน้าที่ ขอบเขตของธปท.ค่อนข้างชัดเจน  ทั้งเรื่องอัตราดอกเบี้ย  ค่าธรรมเนียม การกำหนดให้ผู้ประกอบการต้องปิดเผยข้อมูล  และการกำหนดหลักเกณฑ์ในแง่ของความคุ้มครองเช่น การให้สินเชื่ออย่างเป็นธรรม การคุ้มครองผู้บริโภคทั้งการให้บริการทางการเงินอย่างเป็นธรรม(Market Conduct) และการปล่อยสินเชื่ออย่างมีความรับผิดชอบและเป็นธรรม(RL)

ต่อข้อถามภายใต้กำกับดูแลของธปท.กังวลว่าสินเชื่อในอนาคตจะหดตัวนั้น นางสาวพีรจิตกล่าวว่า  สิ่งที่อยากจะเน้นย้ำ ธปท.กำกับธุรกิจนั้น  ธปท.ดูความเหมาะสม  ความเป็นไปได้ คือ เป็นการรักษาสมดุลของทุกส่วน ทั้งเรื่องภาพรวมเศรษฐกิจ  การคุ้มครองผู้บริโภคและการอยู่รอดของผู้ประกอบธุรกิจด้วย  เพราะเชื่อว่ายังมีความต้องการรถรยนต์ และรถจักรยานยนต์ ถ้าทำกฎเกณฑ์ให้ธุรกิจอยู่ไม่ได้ก็จะกระทบประชาชนในที่สุด

 เพราะฉะนั้นนโยบายของธปท.จะดูความสมดุลทั้งลูกค้าทั้งผู้ประกอบการ ถามว่าสินเชื่อจะลดลงหรือไม่นั้น  ถ้าลูกค้ามีคุณสมบัติเพียงพอสามารถชำระคืนหนี้ได้คงไม่เกิดเหตุการณ์สินเชื่อหดตัว   เรากำลังพูดถึงลูกหนี้มีสินเชื่อและชำระสินเชื่อคืนได้  การมียอดขายเยอะแต่ถูกยึดรถเยอะไม่น่าจะเป็นสิ่งดี    

สิ่งที่ธปท.กำกับดูแลคือทำให้ลูกค้ามั่นใจว่าลูกค้าได้รับการดูแลและการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบดูความเหมาะสมให้ลูกหนี้ไปได้ตลอดรอดฝั่ง   แต่เป้าหมายของธปท.อยากเห็นหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงเกินไปค่อยๆลดลง  อาจเป็นไปได้ที่จะเห็นสินเชื่อลดลง

ต่อข้อถามถึงบทบาทในการกำกับดูแลเรื่องอัตราดอกเบี้ยนั้น   นางสาวพีรจิตกล่าวว่า บทบาทในการกำกับต้องไปเคลียร์กับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค(สคบ.)ต้องไม่ทับซ้อนกัน ซึ่งเรื่องเพดานอัตราดอกเบี้ยนั้น สคบ.ออกประกาศเมื่อเดือนต.ค.2565 โดยจะมีการทบทวนทุก 3ปี

คือ จะครบกำหนด 3ปีในเดือนต.ค.2568นี้ ซึ่งในที่สุดเรื่องอัตราดอกเบี้ยน่าจะมาอยู่ภายใต้กำกับของทางธปท. แต่ยังไม่สามารถตอบได้ว่าอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสมหรือไม่เหมาะสม และไม่ส่สามารถตอบได้ว่าจะ “คง”หรือ “เปลี่ยนแปลง” โดยต้องพูดคุยกับผู้ประกอบการที่จะให้ข้อมูลกับธปท.