2 กูรู หนุน สตาร์ทอัพ-เอสเอ็มอี “กระโดดไกล” มั่นใจธุรกิจเล็กยังโตได้

07 มิ.ย. 2568 | 10:37 น.
อัปเดตล่าสุด :07 มิ.ย. 2568 | 12:28 น.

maiA มองบวกสตาร์ทอัพ-เอสเอ็มอี เชื่อธุรกิจเล็กยังโตได้ สร้างความเชื่อมั่น ด้าน “ฟินน์คอร์ป” หนุนผู้ประกอบการพัฒนาคาแรกเตอร์ เตรียมพร้อมเป็นนักสู้ในสนามตลาดทุน

นายวิรัฐ สุขชัย นายกสมาคมบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (maiA) เปิดเผยในงานสัมนา "Thailand Investment Forum 2025: Great Depression พลิกเกมฝ่าวิกฤติ" จัดโดย ฐานเศรษฐกิจ กรุงเทพธุรกิจ และโพสต์ทูเดย์ ในหัวข้อ Panel Discussion: mai Forum | คนตัวเล็กกระโดดไกล ว่า ภาพรวมในปัจจุบันบริษัท สตาร์ทอัพมีความที่สนใจเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ค่อนข้างเยอะ เพื่อจะระดุมทุนต่อยอดธุรกิจ ในอดีตการเข้าตลาดหลักทรัพย์มีเกณฑ์เข้าง่าย แต่เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2568 ได้มีการเปลี่ยนเกณฑ์โดยแต่ละบริษัทตั้งมีกำไร 75 ล้านในปี 2-3 ปีรวมกัน

ทั้งนี้ การที่มีการปรับเกณฑ์กันใหม่ก็เพื่อจะสร้างความเชื่อมั่นใจและความแข็งแกร่ง ขณะเดียวกันมุมผู้ประกอบการ สตาร์ทอัพ ก็มีโอกาสเติบโตเป็นเอ็มเอไอได้ และกลุ่มที่เป็นบริษัทขนาดเล็กและขนาดย่อมจะสามารถเติบโตได้เร็ว

ปัจจุบันธุรกิจเอ็มเอไอ แบ่งออกเป็น 8 หมวดธุรกิจ มีอยู่ทั้งหมด 224 บริษัท ซึ่งตั้งแต่มีการเปิดเอ็มเอไอมา มีบริษัทที่เข้าไปในตลาดหลักทรัพย์แล้ว 63 บริษัทถือว่าเป็นสัดส่วนที่ค่อนข้างเยอะ

อย่างไรก็ตามแม้เศรษฐกิจจะยังผันผวน ทั้งความเชื่อมั่นของประเทศไทย และปัญหาด้านเศรษฐกิจ แต่ยังมีความเชื่อมั่นว่าบริษัทจะสามารถเติบโตเข้าในตลาดหลักทรัพย์ได้

นายวิรัฐ เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ข้อดีของการเข้าตลาดหลักทรัพย์คือเป็นแหล่งระดมทุน เพื่อไปพัฒนาต่อยอดธุรกิจ ในขณะเดียวกันบริษัทจะเป็นที่รู้จักมากขึ้นและจะมีการบริหารแบบมืออาชีพ เพื่อให้หุ้นมีสภาพคล่อง ด้านข้อเสีย บริษัทที่ไม่มีกำไรมาก หรือเติบโตได้น้อย จะมีค่าใช้จ่ายการตรวจสอบ เอกสารต่าง ๆ หลายล้านต่อปี หากเข้ามาแล้วอยู่นิ่งไม่แนะนำ

“ระยะหลังมีธุรกิจใหม่เข้ามาเติมในเอ็มเอไอมากขึ้น ถึงแม้หุ้นจะลงมาเยอะ แต่บริษัทเอ็มเอไอ มีการเติบโตขึ้นเยอะ ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่น ตอนนี้เราอยู่ท่ามกลางพายุหากผ่านไปแล้วเชื่อว่าความเชื่อมั่นจะกลับมา”

อย่างไรก็ดี หากจะต้องเริ่มลงทุนจะทำอย่างไร ตลาดหลักทรัพย์กับเอ็มเอไอ ได้มีการทำบทวิเคราะห์ขึ้นสำหรับ สมาร์ทอัพ และ SME และนอกจากศึกษาข้อมูลนั้นแล้ว ต้องรู้จักผู้บริหาร โดยจะมีการจัดงาน เอ็มเอไอ ฟอรั่ม โดยจะเป็นการรวมตัวของ CEO เอ็มเอไอ กว่า 100 บริษัท เพื่อให้ข้อมูลกับนักลงทุน รวมถึงแนวโน้มการลงทุน ก็อยากให้คนที่มีเวลาเข้าไปชมงานนี้

ในด้านนายพรพุทธ ริจิรวนิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท บริษัท ฟินน์คอร์ป แคปปิตอล กรุ๊ป เปิดเผยว่า ในอุตสาหรรมด้านการเงิน การปรับเกณฑ์การเข้าตลาดหลักทรัพย์ก็เพื่อจะสร้างความเข้มงวดและความยากมากยิ่งขึ้น ในมุมของนักทุนแปลว่าผู้เข้าแข่งขันต้องแข็งแกร่งและเติบโตมากยิ่งขึ้น หลังจากนี้ต่อไปจะเป็นบริษัทที่สามารถแข่งขันได้ในอุตสาหกรรมและสามารถกระโดดได้ไกลมากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้จึงอยากแนะนำสมาร์อัพ หรือ SME จะเข้ามาต้องหาคาแรกเตอร์หรือจุดเด่นของบริษัทตนเองให้เจอ เพื่อจะทำให้คู่แข่งชอบเราหรือบริษัทใหญ่หันมามองเรา และมันจะทำให้เกิดการลงทุนที่สามารถพาเราก้าวกระโดดไปได้ อย่างไรก็ตาม บริษัทต้องฝึกกระโดดสูงบ่อย ๆ และหลังจากนั้นก็ค่อนกระโดดไกล  

“การเข้าตลาดแล้วเข้าเส้นชัยมันไม่ใช่ แต่เป็นนับหนึ่งใหม่ บริษัทที่เข้ามาต้องความพร้อมถามตัวเองต้องมีการตั้งเป้าให้ชัดเจน มุมผู้ประกอบการ อยากให้ไม่ยึดติดกับสิ่งเดิม ๆ พยายามเป็นผู้นำสิ่งใหม่ ๆเข้ามาได้ เช่น เทคโนโลยี ใช้ประเด็นตัวเล็กให้เป็นประโชยน์”