ค่าเงินบาทปิดตลาดวันที่ 23พ.ค.ที่ระดับ 32.60 บาทต่อดอลลาร์

23 พ.ค. 2568 | 11:33 น.
อัปเดตล่าสุด :23 พ.ค. 2568 | 11:41 น.

ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นตามทิศทางของสกุลเงินอื่นๆ ในเอเชีย ส่วนเงินดอลลาร์ฯ ยังไม่มีแรงหนุนให้ฟื้นตัวกลับมา กรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในสัปดาห์หน้า 26-30 พ.ค.2568 ประเมินไว้ที่ 32.10-33.00 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทปิดตลาดวันที่ 23พ.ค.ที่ระดับ 32.60 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 32.83 บาทต่อดอลลาร์ฯ

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นตามทิศทางของสกุลเงินอื่นๆ ในเอเชีย ประกอบกับมีแรงหนุนเพิ่มเติมทั้งจากการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในตลาดโลก และฟันด์โฟลว์เข้าตลาดการเงินไทย ขณะที่ เงินดอลลาร์ฯ ยังไม่มีแรงหนุนให้ฟื้นตัวกลับมา เนื่องจากตลาดยังคงกังวลกับแนวโน้มฐานะการคลังของสหรัฐฯ ที่อาจอ่อนแอลงในระยะข้างหน้า สำหรับทิศทางฟันด์โฟลว์ในวันนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นและพันธบัตรไทย 1,738 ล้านบาท และ 3421 ล้านบาท ตามลำดับ 

ส่วนค่าเฉลี่ย Indicative forward points ของธุรกรรมระยะ 3 เดือนสำหรับผู้ประกอบการที่มีรายได้ 50-200 ล้านบาทต่อปี รายงานข้อมูล ณ 10.00 น. วันที่ 23 พฤษภาคม 2568 จากเว็บไซต์ ธปท. อยู่ที่ -24.68 สำหรับผู้ส่งออก (ขายเงินดอลลาร์ฯ ล่วงหน้า) และที่ -22.08 สำหรับผู้นำเข้า (ซื้อเงินดอลลาร์ฯ ล่วงหน้า)

 

สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในสัปดาห์หน้า (26-30 พ.ค.) ประเมินไว้ที่ 32.10-33.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขการส่งออกเดือนเม.ย. ของไทย ฟันด์โฟลว์ของต่างชาติและทิศทางราคาทองคำในตลาดโลก ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ

ได้แก่ ยอดขายบ้านใหม่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย และตัวเลขเงินเฟ้อที่วัดจากดัชนีราคา PCE/Core PCE เดือนเม.ย. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ค. ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 1/2568 (Prelim.) บันทึกการประชุมเฟดเมื่อวันที่ 6-7 พ.ค. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ 
นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด ประเด็นเกี่ยวกับสงครามการค้า รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจต่างประเทศอื่นๆ อาทิ อัตราเงินเฟ้อเดือนเม.ย. ของญี่ปุ่น และข้อมูลกำไรภาคอุตสาหกรรมเดือนเม.ย. ของจีน