ค่าเงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 33.08 บาทต่อดอลลาร์ฯ ซึ่งเป็นระดับแข็งค่าสุดในรอบกว่า 6 เดือน และแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับระดับปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาที่ 33.44 บาทต่อดอลลาร์ฯ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นตามการพุ่งขึ้นของราคาทองคำในตลาดโลก แรงซื้อสุทธิพันธบัตรไทยของต่างชาติ และการแข็งค่าของสกุลเงินเอเชียอื่นๆ สวนทางเงินดอลลาร์ฯ ที่เผชิญแรงกดดันต่อเนื่องจากความกังวลต่อผลกระทบของ Tariffs ต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ
นอกจากนี้ ตลาดยังให้ความสนใจกับประเด็นที่ขัดแย้งระหว่างปธน. โดนัลด์ ทรัมป์ กับประธานเฟดด้วยเช่นกัน สำหรับทิศทางฟันด์โฟลว์ในวันนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 2,237.56 ล้านบาท แต่ซื้อสุทธิพันธบัตรไทยถึง 7,591 ล้านบาท
ส่วนค่าเฉลี่ย Indicative forward points ของธุรกรรมระยะ 3 เดือนสำหรับผู้ประกอบการที่มีรายได้ 50-200 ล้านบาทต่อปี รายงานข้อมูล ณ 10.00 น. วันที่ 21 เมษายน 2568 จากเว็บไซต์ ธปท. อยู่ที่ -23.12 สำหรับผู้ส่งออก (ขายเงินดอลลาร์ฯ ล่วงหน้า) และที่ -20.07 สำหรับผู้นำเข้า (ซื้อเงินดอลลาร์ฯ ล่วงหน้า)
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันพรุ่งนี้ ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 33.00-33.45 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ราคาทองคำในตลาดโลก ประเด็นของสงครามการค้าสหรัฐฯ กับคู่ค้าหลายประเทศ และสัญญาณฟันด์โฟลว์ของต่างชาติในตลาดการเงินไทย