ค่าเงินบาทปิดตลาดวันที่ 31มี.ค.ที่ระดับ 33.90 บาทต่อดอลลาร์ฯ แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับระดับปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาที่ 33.97 บาทต่อดอลลาร์ฯ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า เงินบาทแกว่งตัวในกรอบแคบ แต่ปิดที่ระดับแข็งค่ากว่าวันทำการก่อนหน้าตามสัญญาณเงินทุนไหลเข้าตลาดพันธบัตรไทย ประกอบกับน่าจะมีแรงหนุนเพิ่มเติมต่อเนื่องจากการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในตลาดโลก และทิศทางการแข็งค่าของเงินหยวน เงินเยน และสกุลเงินเอเชียอื่นๆ
ขณะที่ เงินดอลลาร์ฯ เผชิญแรงกดดันท่ามกลางความกังวลต่อผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยเฉพาะหลังสหรัฐฯ เปิดเผยรายละเอียดของการปรับขึ้นภาษีตอบโต้ประเทศคู่ค้า
อนึ่ง จุดสนใจเพิ่มเติมของตลาดในประเทศจะอยู่ที่การประเมินผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหวในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา สำหรับทิศทางฟันด์โฟลว์ในวันนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 1,487.41 ล้านบาท แต่มีสถานะอยู่ในฝั่ง Net Inflows เข้าตลาดพันธบัตรไทย 5,189 ล้านบาท
ส่วนค่าเฉลี่ย Indicative forward points ของธุรกรรมระยะ 3 เดือนสำหรับผู้ประกอบการที่มีรายได้ 50-200 ล้านบาทต่อปี รายงานข้อมูล ณ 10.00 น. วันที่ 31 มีนาคม 2568 จากเว็บไซต์ ธปท. อยู่ที่ -22.32 สำหรับผู้ส่งออก (ขายเงินดอลลาร์ฯ ล่วงหน้า) และที่ -19.04 สำหรับผู้นำเข้า (ซื้อเงินดอลลาร์ฯ ล่วงหน้า)
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันพรุ่งนี้ ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 33.80-34.10 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์ของสงครามการค้าในช่วงก่อนที่สหรัฐฯ จะเปิดเผยรายละเอียดของ Reciprocal Tariff กับประเทศคู่ค้า สัญญาณฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ
และทิศทางราคาทองคำในตลาดโลก ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาทิ ดัชนี PMI และ ISM ภาคการผลิตเดือนมี.ค. และตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือนก.พ. รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนมี.ค. ของจีน ยูโรโซน และอังกฤษ และอัตราเงินเฟ้อเดือนมี.ค. ของยูโรโซน