ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดกำไรแบงก์9เดือนแรกปี 2566 ประมาณ 1.86-1.91 แสนล้านบาท

18 ต.ค. 2566 | 03:15 น.
อัปเดตล่าสุด :18 ต.ค. 2566 | 05:26 น.

งบแบงก์ไตรมาส 3/66 ... ยังสะท้อนการปรับตัวเพื่อประคองผลการดำเนินงาน แม้ได้รับอานิสงส์จากดอกเบี้ยขาขึ้น หนุนNIMของระบบแบงก์ไทยขยับขึ้นมาอยู่ในกรอบ 3.14-3.18% คาดกำไร 9 เดือนแรกของปี 2566 อยู่ในกรอบประมาณ 1.86-1.91 แสนล้านบาท

• แม้อัตราดอกเบี้ยในประเทศที่ขยับขึ้นจะช่วยหนุนรายได้ดอกเบี้ยและ NIM ของระบบแบงก์ไทยในไตรมาส 3/2566 แต่ต้นทุนการระดมเงินฝากก็เร่งตัวขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน

• สินเชื่อระบบแบงก์ไทยยังเติบโตในกรอบต่ำ ขณะที่ธนาคารพาณิชย์ยังเร่งปรับโครงสร้างหนี้และจัดการหนี้ด้อยคุณภาพในเชิงรุกเพื่อดูแลระดับ NPLs และลดแรงกดดันต่อการกันสำรองฯ

• สำหรับในช่วงที่เหลือของปี 2566 แม้ NIM ยังมีโอกาสขยับขึ้น แต่ความไม่แน่นอนของทิศทางเศรษฐกิจยังเป็นโจทย์จากในการประคองรายได้ในส่วนอื่นๆ และธนาคารพาณิชย์ยังต้องเตรียมปรับตัวรับเกณฑ์ Responsible Lending ที่จะเริ่มในช่วงต้นปี 2567

• แม้อัตราดอกเบี้ยในประเทศที่ขยับขึ้น จะเป็นแรงหนุนรายได้ดอกเบี้ย แต่ต้นทุนการระดมเงินฝากก็เร่งตัวขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายและอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารพาณิชย์ที่ปรับสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา จะช่วยหนุนส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (Net Interest Margin: NIM) ของระบบแบงก์ไทย  ให้ขยับขึ้นมาอยู่ในกรอบ 3.14-3.18% ในไตรมาส 3/2566 จาก 3.09% ในไตรมาส 2/2566 ขณะที่ผลตอบแทนจากการปล่อยสินเชื่อ ก็น่าจะได้รับอานิสงส์จากการเพิ่มขึ้นของสัดส่วนพอร์ตสินเชื่อที่ให้ผลตอบแทนสูงเมื่อเทียบกับพอร์ตสินเชื่อโดยรวมด้วยเช่นกัน

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดกำไรแบงก์9เดือนแรกปี 2566 ประมาณ 1.86-1.91 แสนล้านบาท

อย่างไรก็ดี คงต้องยอมรับว่า ต้นทุนการระดมเงินฝากในไตรมาส 3/2566 อาจขยับสูงขึ้นตามสัดส่วนเงินฝากประจำที่ทยอยปรับสูงขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า สัดส่วนเงินฝากประจำในไตรมาส 3/2566 จะขยับสูงขึ้นมาอยู่ที่ 29.0-29.4% ต่อเงินฝากโดยรวม

ในขณะที่ต้นทุนเงินฝากของระบบแบงก์ไทยในไตรมาส 3/2566 อาจเพิ่มขึ้นมาอยู่ในกรอบ 0.80-0.88% (เทียบกับ 0.71% ในไตรมาส 2/2566) หลังจากที่ธนาคารพาณิชย์หลายแห่งมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออมทรัพย์ และทยอยออกแคมเปญเงินฝากประจำพิเศษอย่างต่อเนื่อง

 โดยในไตรมาส 3/2566 ธนาคารพาณิชย์มีการออกแคมเปญเงินฝากประจำพิเศษสุทธิ (จำนวนแคมเปญออกใหม่ ลบด้วยจำนวนแคมเปญที่ครบกำหนด) ประมาณ 36 แคมเปญ เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับที่ออกสุทธิจำนวน 24 แคมเปญในไตรมาส 2/2566

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดกำไรแบงก์9เดือนแรกปี 2566 ประมาณ 1.86-1.91 แสนล้านบาท

• อย่างไรก็ดี สินเชื่อยังเติบโตในกรอบต่ำ ขณะที่การปรับสูงขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลในระหว่างไตรมาส อาจมีผลกระทบต่อการบันทึกมูลค่าตามราคาตลาดของสินทรัพย์ในพอร์ตการลงทุนของธนาคารพาณิชย์  

สถานการณ์กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ยังฟื้นตัวแบบไม่ทั่วถึง น่าจะทำให้ธนาคารพาณิชย์ประเมินความเสี่ยงด้านเครดิตสำหรับในส่วนสินเชื่อปล่อยใหม่อย่างระมัดระวัง ประกอบกับยังคงมีแรงกดดันจากการทยอยชำระคืนสินเชื่อในระหว่างไตรมาส ทำให้ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ยังมีโอกาสเห็นสินเชื่อของระบบแบงก์ไทยเติบโตในกรอบต่ำที่ 0.1-0.3% YoY ในไตรมาส 3/2566 ชะลอตัวลงจากที่เติบโต 0.5% YoY ในไตรมาส 2/2566

นอกจากนี้ การเพิ่มขึ้นของเงินลงทุนในตราสารหนี้ของธนาคารพาณิชย์ในช่วงที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวสูงขึ้น (บอนด์ยีลด์ไทยอายุ 1-5 ปี ณ สิ้นไตรมาส 3/2566 ปรับสูงขึ้นประมาณ 30-45 basis points เมื่อเทียบกับระดับ ณ สิ้นไตรมาส 2/2566) ก็อาจมีผลกระทบต่อการบันทึกมูลค่าตามราคาตลาดของสินทรัพย์ในพอร์ตการลงทุนของธนาคารพาณิชย์ด้วยเช่นกัน

โดยคาดว่า เงินลงทุนในตราสารหนี้จะมีสัดส่วนประมาณ 11.2-11.4% ต่อสินทรัพย์รวมของระบบแบงก์ไทยในไตรมาส 3/2566 สูงขึ้นเมื่อเทียบกับสัดส่วน 10.9%  ในไตรมาส 2/2566 และเมื่อรวมผลของปัจจัยนี้เข้ากับภาพรวมรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการที่ยังชะลอตัว

โดยเฉพาะค่าธรรมเนียมในหมวดบัตรเครดิต บริการบัตร ATM/บัตรเดบิตฯ รวมถึงรายได้ค่าธรรมเนียมนายหน้า (ซึ่งอาจยังคงได้รับผลกระทบจากความผันผวนของตลาดทุน) ก็อาจทำให้รายได้ในส่วนที่มิใช่ดอกเบี้ยในไตรมาส 3/2566 มีทิศทางชะลอลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2566 ที่ผ่านมา

 

• ธนาคารพาณิชย์ส่วนใหญ่เร่งปรับโครงสร้างหนี้ และจัดการหนี้ด้อยคุณภาพในเชิงรุก เพื่อดูแลระดับ NPLs

ภายใต้สถานการณ์ที่อัตราดอกเบี้ยยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูง และแนวโน้มเศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอน ทำให้การดูแลคุณภาพของพอร์ตสินเชื่อยังคงเป็นโจทย์ต่อเนื่องที่สำคัญของธนาคารพาณิชย์

และจากสัญญาณการขยับขึ้นของสินเชื่อที่มีการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของความเสี่ยงด้านเครดิต (สินเชื่อ Stage 2) และข้อมูลจำนวนบัญชีลูกหนี้ที่ได้รับความช่วยเหลือของธนาคารพาณิชย์และนอนแบงก์ ณ สิ้นเดือนก.ค. 2566 ที่ขยับขึ้น มาที่ 2.31 ล้านบัญชี จาก 2.21 ล้านบัญชี ณ สิ้นเดือนมิ.ย. 2566

ก็สะท้อนว่า ธนาคารพาณิชย์ยังคงติดตามความสามารถในการชำระคืนหนี้ โดยเฉพาะลูกหนี้กลุ่มธุรกิจและครัวเรือนรายย่อย และช่วยลูกหนี้ปรับโครงสร้างหนี้ ควบคู่กับการเร่งจัดการหนี้ด้อยคุณภาพ (NPLs) เพื่อรักษาระดับ NPLs และลดแรงกดดันต่อค่าใช้จ่ายในการกันสำรองฯ

ซึ่งจากภาพดังกล่าวทำให้ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า สัดส่วน NPLs ของระบบธนาคารพาณิชย์ (ระบบแบงก์ไทย+สาขาธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศ) อาจทรงตัวหรือมีโอกาสปรับตัวลงเล็กน้อยมาอยู่ในกรอบ 2.63-2.67% ต่อสินเชื่อรวมในไตรมาส 3/2566 จาก 2.67% ต่อสินเชื่อรวมในไตรมาส 2/2566

ขณะที่สัดส่วนการตั้งสำรองฯ ต่อสินเชื่อ (Credit Cost) อาจอยู่ในกรอบ 1.25-1.29% ในไตรมาส 3/2566 ลดลงเล็กน้อยจาก 1.30% ในไตรมาส 2/2566 แต่ก็ยังนับเป็น Credit Cost ที่สูงกว่าในช่วงสถานการณ์ปกติ  

 

• สำหรับในช่วงที่เหลือของปี 2566 นั้น คาดว่า ธนาคารพาณิชย์น่าจะยังคงปรับตัวเพื่อประคองผลการดำเนินงาน แม้ NIM ยังมีโอกาสขยับขึ้นต่อในไตรมาส 4/2566

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ภาพรวมกำไรสุทธิของระบบแบงก์ไทยในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2566 น่าจะทำได้ในกรอบประมาณ 1.86-1.91 แสนล้านบาท ขณะที่รายได้จากดอกเบี้ยสุทธิยังน่าจะเติบโตต่อเนื่องและเป็นแรงหนุนสำคัญของผลประกอบการในไตรมาสสุดท้ายของปี 2566 เพราะ NIM ของระบบแบงก์ไทยยังมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น หลังธนาคารพาณิชย์ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงเดือนก.ย.-ต้นเดือนต.ค. 2566 ตามรอบการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของกนง. ในการประชุมเมื่อวันที่ 27 ก.ย. 2566

อย่างไรก็ดี การประคองผลการดำเนินงานท่ามกลางความไม่แน่นอนของทิศทางเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศ ยังคงเป็นโจทย์ที่กระตุ้นให้ธนาคารพาณิชย์ต้องเร่งปรับตัว ซึ่งศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ภาพในไตรมาสสุดท้ายของปี 2566 จะยังคงเห็นความพยายามของธนาคารพาณิชย์ในการจัดการปัญหา NPLs

พร้อมๆ กับการเตรียมสภาพคล่องเพื่อพร้อมรองรับความต้องการใช้สภาพคล่องในระบบที่อาจเพิ่มขึ้นตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ รวมไปถึงการดูแลให้การเติบโตของเงินฝากสอดคล้องกับสัญญาณสินเชื่อ โดยอาจมีการออกแคมเปญเงินฝากประจำพิเศษต่อเนื่องเพื่อระดมสภาพคล่อง

และแข่งขันกับผลิตภัณฑ์ทางการเงินอื่นๆ เพื่อเป็นตัวเลือกของผู้ฝากเงินในช่วงปลายปี นอกจากนี้ ธนาคารพาณิชย์คงต้องเตรียมปรับตัวเพื่อรับมือกับเกณฑ์การปล่อยสินเชื่ออย่างรับผิดชอบ (Responsible Lending) ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในช่วงต้นปี 2567 ด้วยเช่นกัน

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดกำไรแบงก์9เดือนแรกปี 2566 ประมาณ 1.86-1.91 แสนล้านบาท