“บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” ห้ามพลาด! ลงทะเบียนรับสิทธิค่าน้ำ-ไฟ

12 เม.ย. 2566 | 10:11 น.

คลังอัพเดท “บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” ผู้ผ่านเกณฑ์ยืนยันตัวตนแล้ว 13 ล้านคน แนะลงทะเบียนรับสิทธิช่วยเหลือค่าน้ำ-ค่าไฟ เดือนละ 315 บาท เช็ครายละเอียดเลย

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยความคืบหน้าโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 ณ วันที่ 12 เมษายน 2566 เวลา 13.00 น. มีผู้ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติที่ยืนยันตัวตนสำเร็จแล้ว จำนวนทั้งสิ้น 13,104,007 ราย (หรือคิดเป็นร้อยละ 89.77 ของจำนวนผู้ผ่านเกณฑ์ทั้งหมดจำนวน 14,596,820 ราย)

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง

สำหรับผู้ผ่านเกณฑ์และยืนยันตัวตนสำเร็จที่ประสงค์จะรับสิทธิมาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปา จะต้องลงทะเบียนขอรับสิทธิใหม่ทุกคน ซึ่งสามารถดำเนินการได้ ดังนี้

1. สวัสดิการค่าไฟฟ้า ปัจจุบันประชาชนทั่วไปจะได้รับการสนับสนุนค่าไฟฟ้าจากมาตรการของรัฐบาลโดยการไฟฟ้านครหลวงและการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ซึ่งมีเงื่อนไขว่า หากประชาชนใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 50 หน่วยต่อเดือน ติดต่อกันเป็นระยะเวลา 3 เดือน จะได้รับสิทธิใช้ไฟฟ้าฟรี

“ภายใต้มาตรการบรรเทาฯ ให้แก่ผู้มีสิทธิฯ จะเป็นกรณีที่ผู้มีสิทธิฯ ใช้ไฟฟ้าเกิน 50 หน่วยต่อเดือน โดยจะได้รับสนับสนุนค่าไฟฟ้าวงเงิน 315 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน แต่หากมีการใช้ไฟฟ้าเกิน 315 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน ผู้มีสิทธิฯ จะต้องเป็นผู้รับภาระค่าไฟฟ้าด้วยตนเองทั้งหมด”

2. สวัสดิการค่าน้ำประปา สนับสนุนค่าน้ำประปาวงเงิน 100 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน โดยในกรณีที่ผู้มีสิทธิฯ ใช้น้ำประปาเกิน 100 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน แต่ไม่เกิน 315 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน ผู้มีสิทธิฯ จะยังคงได้รับการสนับสนุนในวงเงิน 100 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน

โดยจะต้องชำระส่วนที่เกิน 100 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือนด้วยตนเอง แต่หากผู้มีสิทธิฯ ใช้น้ำประปาเกิน 315 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน ผู้มีบัตรฯ ต้องเป็นผู้รับภาระค่าน้ำประปาด้วยตนเองทั้งหมด

ทั้งนี้ ผู้ที่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติและได้ยืนยันตัวตนสำเร็จเพื่อรับสิทธิตามโครงการฯ ปี 2565 แล้วสามารถลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิค่าไฟฟ้าและค่าประปากับหน่วยงานผู้ให้บริการที่ผู้มีบัตรฯ รับบริการอยู่ ดังนี้

1. การลงทะเบียนรับสิทธิค่าไฟฟ้า สามารถลงทะเบียนได้ที่

2. การลงทะเบียนรับสิทธิค่าน้ำประปา สามารถลงทะเบียนได้ที่

“หากลงทะเบียนรับสิทธิค่าไฟฟ้ากับ กฟน. หรือ กฟภ. สำเร็จภายในวันที่ 8 เมษายน 2566 เวลา 17.00 น. หรือลงทะเบียนกับ กทร. สำเร็จภายในวันที่ 20 เมษายน 2566 เวลา 17.00 น. และ/หรือลงทะเบียนรับสิทธิค่าน้ำประปากับ กปน. หรือ กปภ. สำเร็จภายในวันที่ 25 มีนาคม 2566 เวลา 17.00 น. จะได้รับสิทธิเดือนแรก คือ ใบแจ้งหนี้ค่าบริการเดือนเมษายน 2566”

สำหรับผู้ที่ลงทะเบียนภายหลังวันและเวลาดังกล่าว เมื่อลงทะเบียนรับสิทธิค่าไฟฟ้ากับ กฟน. หรือ กฟภ. สำเร็จภายในวันที่ 8 เวลา 17.00 น. ของแต่ละเดือน หรือลงทะเบียนกับ กทร. สำเร็จภายในวันที่ 20 เวลา 17.00 น. ของแต่ละเดือน

ขณะที่ลงทะเบียนรับสิทธิ์ค่าน้ำประปากับ กปน. หรือ กปภ. สำเร็จภายในวันที่ 25 เวลา 17.00 น. ของแต่ละเดือน จะสามารถได้รับสิทธิสำหรับใบแจ้งหนี้ค่าบริการในเดือนถัดไป และไม่ได้รับสิทธิย้อนหลัง

ขณะที่ผู้ที่ใช้สิทธิตามมาตรการบรรเทาฯ ให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐภายใต้โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2560 และปี 2561 จะสามารถใช้สิทธิในรอบใบแจ้งหนี้ค่าบริการเดือนมีนาคม 2566 เป็นเดือนสุดท้าย โดยสามารถนำใบแจ้งหนี้ค่าบริการที่ค้างชำระในช่วงที่ได้รับสิทธิตามมาตรการบรรเทาฯ ไปชำระเพื่อขอรับเงินสนับสนุนได้จนถึงวันที่ 30 เมษายน 2566

ทั้งนี้ ผู้ผ่านเกณฑ์สามารถเข้าร่วมมาตรการบรรเทาฯ ได้ทุกคน แต่ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขสวัสดิการของมาตรการบรรเทาฯ ที่กำหนดการให้สวัสดิการแบบ 1 ครัวเรือนต่อ 1 สิทธิต่อ 1 รหัสประจำบ้าน ซึ่งสามารถลงทะเบียนรับสิทธิค่าไฟฟ้าได้เพียงผู้ให้บริการ 1 หน่วยงาน เช่นเดียวกันกับค่าน้ำประปาที่สามารถลงทะเบียนรับสิทธิค่าบริการได้เพียงผู้ให้บริการ 1 หน่วยงาน