(14 มี.ค. 66) นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยดิ่งลงหนักถึง 50 จุด เป็นไปตามทิศทางตลาดหุ้นทั่วเอเชียที่ปรับตัวลงเฉลี่ย 2-3%
โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็น Over-React ของตลาด โดยขอแนะนำนักลงทุนติดตามข้อมูล และพิจารณาความสมเหตุสมผลของสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ รวมทั้งต้องติดตามสถานการณ์ในสหรัฐคืนนี้ ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญต่อทิศทางตลาดหุ้นไทยในวันพรุ่งนี้
ขณะที่วันนี้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงไป 49.18 จุด ที่ระดับ 1,523.89 จุด มูลค่าการซื้อขายกว่า 103,833.09 ล้านบาท ปิดต่ำสุด นับตั้งแต่ 6 ส.ค. 2564 ที่ปิดที่ 1,521.72 จุด
ทั้งนี้พบว่ากลุ่มนักลงทุนต่างประเทศ และนักลงทุนสถาบันมีการขายมากที่สุดราวหมื่นล้านบาท ขณะที่นักลงทุนบุคคลเข้าซื้อเกือบ 10,000 ล้านบาท เช่นกัน
ส่วนตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวลงเร็ว และแรงในช่วงท้าย เนื่องจากตลาดหุ้นไทยถือเป็นตลาดสุดท้ายที่ยังเปิดทำการอยู่ในภูมิภาคเอเชีย ทำให้ได้รับผลกระทบจากแรงขายค่อนข้างมากหลังจากตลาดอื่นปิดทำการไปแล้ว ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องการบังคับขายหุ้น รวมถึงไม่พบสัญญาณการ ชอร์ตเซล ที่ผิดปกติ
สำหรับเหตุการณ์ของ Silicon Valley Bank (SVB) ปิดตัวลง ทางการสหรัฐและอังกฤษได้มีนโยบายที่ออกมาอย่างเข้มแข็ง ซึ่งการแก้ปัญหาของทั้งสองประเทศเป็นไปอย่างรวดเร็ว และเด็ดขาด ทำให้เชื่อว่าวิกฤติแบงก์ในสหรัฐล้มจะไม่ลุกลามออกไป
ขณะที่ธนาคารในประเทศไทย ทางธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ออกมายืนยันแล้วว่าฐานทุน (capital bast) ยังเพียงพอที่จะรองรับ และยังมีการกระจายสินทรัพย์
อย่างไรก็ตามหากมองไปในระยะยาว การฟื้นตัวของตลาดหุ้นไทยขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย โดยเฉพาะเรื่องของอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น และสภาพคล่องที่ลดลง ซึ่งถือเป็นปัจจัยกดดันหลัก โดยให้ติดตามตัวเลขข้อมูล เงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ย สภาพคล่องของตลาดเงินทั่วโลก
รวมทั้งไทยจะฟื้นตัวได้ดีกว่าปีก่อน จากภาคท่องเที่ยว บริโภค โรงแรม โรงพยาบาล และยังได้รับอานิสงค์การเปิดประเทศ