ทิสโก้เล็งช้อปพอร์ตสินเชื่อมีหลักประกัน

16 ม.ค. 2566 | 11:28 น.

ทิสโก้ ปรับกลยุทธ์ปี66 เข้าสู่โหมด "การเติบโต" ลั่นเร่งขยายสินเชื่อเชิงรุกตั้งเป้าโต 5-10% จากปีก่อน 3-5% เน้นกลุ่มให้ผลตอบแทนสูง "จำนำทะเบียน-พลังงาน-อสังหา" คุมเอ็นพีแอลไม่เกิน 3% เล็งช้อปพอร์ตสินเชื่อมีหลักประกัน

นายศักดิ์ชัย พีชะพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มทิสโก้ (TISCO)เปิดเผยว่า ปี2566 กลุ่มทิสโก้ปรับกลยุทธ์เข้าสู่โหมดของการเติบโต  ภายใต้ การดำเนินธุรกิจด้วยความยั่งยืนโดยตั้งเป้าเติบโตสินเชื่อรวม 5-10% จากปีที่ผ่านมาขยายได้ 7.9%(จากเป้าทั้งปีตั้งไว้ 3-5%) หรือมูลค่าสินเชื่อเพิ่มกว่า 20,000ล้านบาทส่งผลให้ยอดคงค้างสินเชื่อเพิ่มเป็น 2.19แสนล้านบาท จากปี2564อยู่ที่ 2.02แสนล้านบาท

โดยปี2566กลุ่มทิสโก้จะเน้นเติบโตสินเชื่อเชิงรุกในกลุ่มที่มีผลตอบแทนสูง (High Yield) ไม่ว่าสินเชื่อจำนำทะเบียน สินเชื่อเพื่อการบริโภค  หรือสินเชื่อรายใหญ่ ที่เน้นกลุ่มพลังงาน กับกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มสินเชื่อเอสเอ็มอีมุ่งเน้นทั้งโลจิสติกส์ และดีลเลอร์ ขณะเดียวกัน ยอมรับว่าการ ขยาย สินเชื่อ High Yield จะทำให้หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ขยับเพิ่มแต่จะพยายามควบคุม ให้ อยู่ในระดับไม่เกิน 3%

ต่อข้อถามถึงผลต่อ  ประกาศควบคุมเพดานอัตราดอกเบี้ยเช่าซื้อทีของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.)นั้น  นายศักดิ์ชัยกล่าวว่า ประกาศดังกล่าวมีผลในทางปฎิบัติแล้วเมื่อวันที่ 10 มกราคม2566ที่ผ่านมา โดยธนาคารไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากธนาคารคิดอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าเพดาน 10% ต่อปีอยู่แล้ว และตลาดมีการแข่งขันสมบูรณ์

ส่วนรถยนต์ใช้แล้วธนาคารก็ไม่ได้รับผลกระทบ เพราะจะปล่อยสินเชื่อในกลุ่มรถยนต์ที่มีอายุ10-15ปี ขณะที่ประกาศเพดานดอกเบี้ยอยู่ที่ 15% ต่อปี

ส่วนสินเชื่อจักรยานยนต์ที่มีการกำหนดอัตราดอกเบี้ย 23% ต่อปีนั้น แม้บริษัทลูกของกลุ่มทิสโก้คือบริษัทไฮเวย์จำกัดที่มีต้นทุนที่ถูกที่สุดแล้วยังมีความยากลำบากจากเพดานดอกเบี้ยเหลือ23% จากที่ผ่านมาเคยคิดที่อัตรา 30% ต้นๆ

"เมื่อเทียบกับตลาดแล้วธนาคารมีพอร์ตสินเชื่อมอเตอร์ไซค์สัดส่วนเพียงแค่ 2% จึงไม่ได้รับผลกระทบต่อผู้บริโภค  แต่บริษัท ไฮเวย์ จำกัด ภายใต้แบรนด์ “สมหวัง เงินสั่งได้” กระทบหนักมาก  ซื่อว่ากระทบทั้งอุตสาหกรรม   ร้านค้าที่เคยปล่อยสินเชื่อความคุ้มค่าในการทำธุรกิจก็จะน้อยลงอาจจะไม่ปล่อยสินเชื่ออีกแล้ว แต่มองว่าจะเป็นวิกฤตระยะสั้นและอาจจะเป็นโอกาสในระยะยาวเพราะฉะนั้นเราต้องเตรียมตัวเองให้พร้อมทำให้Cost  to Serve ต่ำที่สุดและสามารถเข้าไป Capture ธุรกิจที่ไม่สามารถแข่งขันได้ "

อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาเมื่อกฎหมายสคบ. มีผลบังคับใช้กลุ่มทิสโก้ได้มีการปรับกระบวนการภายในและค่าธรรมเนียมให้กับดีลเลอร์รวมถึงการพิจารณาสินเชื่อภายใต้ผลตอบแทนที่เหมาะสม  ซึ่งตรงนี้เอง ถ้ากลุ่มทิสโก้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารการติดตามหนี้ทั่วประเทศให้ดีเพื่อที่จะเข้าไปดูแลลูกค้ากลุ่มดังกล่าวโดยเฉพาะสินเชื่อที่มีหลักประกัน 

ขณะเดียวกัน ด้าน นโยบายด้านสาขากลุ่มทิสโก้กำหนดจะ ปรับสาขา ที่มีอยู่ 55 สาขา เป็นสำนักงานอำนวยสินเชื่อและ ขยายสาขาเพิ่ม4เท่า เป็น 200 สาขาต่อปีเเป็นเวลาต่อเนื่อง 5 ปีเมื่อครบ 1,000 สาขาจะพิจารณาอีกครั้ง

นายชาตรี จันทรงาม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายควบคุมการเงินและบริหารความเสี่ยงทิสโก้ กล่าวเสริมว่า ธนาคารมองหาโอกาสในการเข้าซื้อพอร์ตสินเชื่อรายย่อยต่อเนื่อง โดยเฉพาะสินเชื่อที่มีหลักประกัน เช่น ธุรกิจเช่าซื้อ เนื่องจากประกาศการกำหนดเพดานดอกเบี้ยของสคบ. ทำให้มีธุรกิจเช่าซื้อบางรายอาจจะได้รับผลกระทบจนไม่สามารถดำเนินธุรกิจต่อได้ และอาจตัดสินใจขายธุรกิจออกมา จึงเป็นโอกาสและให้ความสนใจที่จะเข้าไปซื้อพอร์ตดังกล่าว