ปปง. อายัดทรัพย์สินคดีฉ้อโกงหุ้น MORE เพิ่มเติม กว่า 19 ล้านบาท

22 พ.ย. 2565 | 08:10 น.

ปปง. อายัดทรัพย์สินคดีฉ้อโกงหุ้น MORE เพิ่มเติม จำนวน 2 รายการ รวมมูลค่ากว่า 19 ล้านบาท นับตั้งแต่วันที่ 21 พฤศจิกายน 2565 ถึงวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2566

กรณี สำนักงาน ปปง.  ได้ดำเนินการอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว รายนายอภิมุขฯ กับพวก ซึ่งมีพฤติการณ์กระทำความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา อันมีลักษณะเป็นปกติธุระ อันเป็นความผิดมูลฐานตามมาตรา 3 (18) แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 จำนวน 34 รายการ (เงินหรือหลักทรัพย์ที่ซื้อต่อเนื่องจากเงินที่ได้จากการขายหุ้น MORE หรือ MORE-R)

 

มูลค่าทรัพย์สินประมาณ 5,300 ล้านบาท พร้อมดอกผล มีกำหนดไม่เกิน 90 วัน คือ นับตั้งแต่วันที่ 21 พฤศจิกายน 2565 ถึงวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2566 นั้น 

ล่าสุด นายเทพสุ บวรโชติดารา รองเลขาธิการ ปปง. รักกษาราชการแทนเลขาธิการ ปปง. กล่าวว่า จากการสืบสวนสอบสวนขยายผล  เพื่อดำเนินการกับทรัพย์สินของผู้กระทำความผิดรวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์ทั้งหมด พบว่า นายอภิมุขฯ กับพวก เป็นเจ้าของทรัพย์สินหรือมีสิทธิครอบครองในทรัพย์สินเพิ่มเติม

สำนักงาน ปปง. จึงมีคำสั่งอายัดทรัพย์สิน ที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว (เพิ่มเติม) จำนวน 2 รายการ ซึ่งเป็นทรัพย์สินประเภทเงินหรือหลักทรัพย์ที่ซื้อต่อเนื่องจากเงินที่ได้จากการขายหุ้น MORE หรือ MORE-R รวมมูลค่าทรัพย์สินประมาณ 19 ล้านบาท พร้อมดอกผล มีกำหนดไม่เกิน 90 วัน คือ นับตั้งแต่วันที่ 21 พฤศจิกายน 2565 ถึงวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2566

อย่างไรก็ตาม ในภาพรวมสำนักงาน ปปง. ได้ดำเนินการอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราวในรายคดีนี้ 2 ครั้ง รวมทั้งสิ้น 36 รายการ รวมมูลค่าประมาณ 5,319 ล้านบาท

 

ทั้งนี้ สำนักงาน ปปง. ขอประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนให้ทราบว่า ผู้ใดกระทำการดังต่อไปนี้ 

  • โอน รับโอน หรือเปลี่ยนสภาพทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดเพื่อซุกซ่อนหรือปกปิดแหล่งที่มาของทรัพย์สินนั้น หรือเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นไม่ว่าก่อน ขณะหรือหลังการกระทำความผิด มิให้ต้องรับโทษหรือรับโทษน้อยลง ในความผิดมูลฐาน
  •   กระทำด้วยประการใด ๆ เพื่อปกปิดหรืออำพรางลักษณะที่แท้จริงการได้มา แหล่งที่ตั้ง การจำหน่าย การโอน การได้สิทธิใด ๆ ซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด หรือ
  •  ได้มา ครอบครอง หรือใช้ทรัพย์สิน โดยรู้ในขณะที่ได้มา ครอบครอง หรือใช้ทรัพย์สินนั้น ว่าเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด ผู้นั้นกระทำความผิดฐานฟอกเงิน ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 - 10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000 - 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และผู้ใดยักย้าย ทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย ทำให้สูญหายหรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งเอกสารหรือบันทึก ข้อมูล หรือทรัพย์สิน ที่เจ้าพนักงานยึดหรืออายัดไว้ หรือที่ตนรู้หรือควรรู้ว่าจะตกเป็นของแผ่นดินตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ