มือใหม่แห่ลงทุนคริปโต MA5BOTสบช่อง ส่งเครื่องมือช่วยเทรด

17 ก.ย. 2565 | 04:00 น.

MA5BOT สบช่องนักลงทุนมือใหม่ แห่ลงทุนคริปโต ส่งเครื่องมือช่วยซื้อขายคริปโต ระบุนักลงทุนส่วนใหญ่ที่ขาดทุนเพราะขาดระเบียบวินัย ใช้อารมณ์ตัดสินใจ มีความโลภ ความกลัว ส่วนระบบ Robot ใช้อะกอลิทึ่มการทำ Rebalancing มีความแม่นยำตัดสินใจ 100% ไม่ต้องนั่งเฝ้ากราฟ

นายนภัทร ศิริธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MA5BOT (มหาบอท) สตาร์ทอัพผู้ให้บริการ Robot Trade หรือ Trading System สินทรัพย์ดิจิทัล หรือ คริปโต เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า แนวโน้มการเข้ามาลงทุนคริปโตของนักลงทุนรายย่อยมีเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามตลาดคริปโตมีความผันผวน และมีความเสี่ยงการลงทุนสูง มีการเทรดทั่วโลก 24 ชั่วโมง ปัญหาของนักลงทุนคือเรื่องของภาวะการตัดสินใจ MA5BOT ที่มีพื้นฐานมาจากกลุ่มนักลงทุนหลักทรัพย์ จึงได้พัฒนาโซลูชัน Robot Trade ขึ้นมาตอบโจทย์กลุ่มนักลงทุนรายย่อย ในการมีเครื่องมือช่วยตัดสินใจซื้อขายคริปโต

มือใหม่แห่ลงทุนคริปโต MA5BOTสบช่อง ส่งเครื่องมือช่วยเทรด

“นักลงทุนส่วนใหญ่ที่ขาดทุนเพราะขาดระเบียบวินัยในการลงทุนคนเรามีความโลภ มีความกลัว พอถึงจุดที่ต้องตัดขาดทุนก็กลัวเสียเงิน นั่งลุ้นให้ขึ้น สุดท้ายก็เจ็บตัว หรือ พอถึงจุดจะทำกำไร ก็เกิดโลภจะเอาอีกจนสุดท้ายไม่ได้กำไร ซึ่งปัญหาเรื่องอารมณ์อย่างที่กล่าวไปเป็นเรื่องแก้ยาก ขณะที่ตลาดคริปโตเปิด 24 ชั่วโมง 7 วัน จะมานั่งเฝ้าจอทุกวัน ก็ไม่ไหว ทีมจึงพัฒนาระบบเทรดขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหา โดยเริ่มต้นจากการพัฒนาขึ้นมาเพื่อใช้เอง ตั้งแต่ปี 2560 อย่างไรก็ตามช่วง 2 ปีที่ผ่านมาด้วยผลกระทบโควิด ทำให้ธุรกิจโฆษณาที่ทำอยู่รายได้ลดลง จึงเริ่มมีความคิดนำระบบดังกล่าวออกมาขายให้บริการ”

โดยการใช้ระบบในการตัดสินใจมีความแม่นยำสูงถึง 100% โดยตัดเรื่องของอารมณ์ที่ใช้การตัดสินใจของนักลงทุนไป การทำงานของ MA5BOT ใช้ระบบอะกอลิทึ่มของการทำ Rebalancing คือการปรับสัดส่วนของสินทรัพย์หลักที่วางแผนลงทุนช่วยนักลงทุน โดยไม่ต้องมานั่งเฝ้ากราฟหรืออ่านกราฟ แม้จะเป็นช่วงตลาดขาลงก็สามารถช่วยลดการขาดทุน และสร้างกระแสเงินสดในพอร์ตได้ หลุดจากดอยได้อย่างรวดเร็วหรือช่วงตลาดขาขึ้น ก็สามารถขายทำกำไร ได้กระแสเงินสดเข้ามาในพอร์ต

 

ทั้งนี้ MA5BOT เป็น Robot Trade ที่เป็นพาร์ทเนอร์กับกระดานเทรดคริปโตระดับโลก ทั้ง Binance FTX และ OKX โดยปีที่ผ่านมีโวลุ่มการเทรด 1.5 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ หรือ ประมาณ 55 ล้านบาท ติด1 ใน 15 ของระบบ Robot Trade บนกระดานเทรด Binance โดยในไทยขณะนี้มีลูกค้าใช้บริการอยู่ราว 4,000 คน ซึ่งรูปแบบจะเป็นบริการเช่าใช้ระบบที่เป็นเว็บเบส ทำงานบนระบบคลาวด์ของอเมซอน คลาวด์ โดยมีค่าบริการรายเดือน 2,000 บาท ไม่จำกัดขนาดของพอร์ต โดยจะมีขนาดเท่าไรก็ได้ ซึ่งในปีที่ผ่านมามีรายได้ 10 ล้านบาท มีกำไร 6 ล้านบาท อย่างไรก็ตามปีนี้ตลาดคริปโตอยู่ในช่วงขาลง คาดว่าจะมีกลุ่มผู้ใช้บริการเพิ่มเป็น 6,000 ราย หรือประมาณ 50% โดยการขยายตลาดในไทยนั้นอยู่ระหว่างการประกาศความร่วมมือกับศูนย์แลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลรายใหญ่ของประเทศ

นอกจากนี้ MA5BOT กำลังอยู่ระหว่างการระดมทุนราว 36 ล้านบาทหรือ 1 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ หรือ 10% ของมูลค่าบริษัท เพื่อนำเงินมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ และขยายตลาดไปประเทศในกลุ่มอาเซียน โดยประเทศที่มีจำนวนนักลงทุนคริปโตสูง คือเวียดนาม และฟิลิปปินส์ ที่มีนักลงทุนมากกว่าไทย 5 เท่า ซึ่งคาดว่าจะสามารถขยายตลาดผ่านความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์กระดานเทรดสินทรัพย์ดิจิทัลท้องถิ่นได้ประมาณปลายปีนี้ ซึ่งคาดว่าจะทำให้ผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นเป็น 20,000 รายในปีหน้า

 

นายนภัทร กล่าวต่อไปอีกว่า ที่ผ่านมาได้พยายามติดต่อขออนุญาตให้บริการกับคณะกรรมการกำกับตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แต่ได้รับการแจ้งว่าบริการที่ MA5BOT ให้บริการอยู่เป็น Robot ไม่ได้มีการนำสินทรัพย์ดิจิทัลของลูกค้ามาเก็บไว้ ไม่ได้ให้บริการคำปรึกษาด้านการลงทุน ลูกค้าเลือกกลยุทธ์ เลือกลงทุนเหรียญเอง กดปุ่มสตาร์ท สต็อปเอง MA5BOT เป็นบริการซอฟต์แวร์ ดังนั้นไม่จำเป็นต้องขออนุญาตจาก ก.ล.ต.

 

ทั้งนี้รายงานจากสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจสังคมแห่งชาติ(สศช.) ที่ได้ทำการศึกษาพฤติกรรมการลงทุนของคนรุ่นใหม่ในตลาดคริปโตเคอร์เรนซี่ (Cryptocurrency) ที่อาจมีความเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหายจากการลงทุน ดังนี้ผู้ลงทุนในคริปโตฯ ส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นใหม่ที่ต้องการสร้างผลกำไรที่สูงในเวลาที่รวดเร็ว นอกจากนี้ผู้ลงทุนในคริปโตฯ 1 ใน 5 ศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับคริปโตฯอยู่ในระดับน้อย และใช้สัญชาตญาณในการตัดสินใจลงทุน ขณะที่มากกว่า 1 ใน 4 ของคนรุ่นใหม่ที่ลงทุนในคริปโต ลงทุนเพื่อความสนุก บันเทิง และเข้าสังคม สุดท้ายนักลงทุนคริปโตฯ มากกว่าครึ่งหนึ่งใช้แพลตฟอร์มต่างประเทศ

 

โดยนายสมชัย จิตสุชน ผู้อำนวยการวิจัยด้านการพัฒนาอย่างทั่วถึง สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ระบุว่าขณะนี้เด็กมัธยมต่างจังหวัด (ทั้งมัธยมปลายและต้น) จำนวนไม่น้อยซื้อคริปโตเคอร์เรนซี่ (Cryptocurrency) และกำลังขาดทุนอย่างหนัก (หลักหมื่นหรือกระทั่งหลักแสน) โดยเอาเงินที่บ้านมาเล่น บางทีก็เป็นเงินที่ปู่ย่าตายายเก็บไว้เพื่อการศึกษาของหลาน