จับทิศหุ้นไทยสัปดาห์หน้า "การเมือง-ฟันด์โฟลว์- เงินเฟ้อ" ปัจจัยชี้นำ

10 ก.ย. 2565 | 00:45 น.

บล.กสิกรไทย (KS) มองทิศหุ้นไทยสัปดาห์หน้า(12-16 ก.ย.) ดัชนี SET แนวรับที่ 1,640 และ 1,620 จุด แนวต้านอยู่ที่ 1,665 และ 1,690 จุด จับตาฟันด์โฟลว์- เงินเฟ้อสหรัฐเดือนส.ค. และการเมืองไทย

บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด หรือ KS มองทิศทางตลาดหุ้นไทย (SET Index )สัปดาห์หน้า (12-16 ก.ย.) มีแนวรับที่ 1,640 และ 1,620 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,665 และ 1,690 จุด ตามลำดับ 

 

โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ทิศทางเงินทุนต่างชาติ รวมถึงประเด็นการเมืองในประเทศ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิต ยอดค้าปลีกและผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนส.ค.

 

ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ การประชุม BoE ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนส.ค. ของยูโรโซน ดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนส.ค. ของญี่ปุ่น ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ค. ของญี่ปุ่นและยูโรโซน รวมถึงข้อมูลเศรษฐกิจเดือนส.ค. ของจีน อาทิ ยอดค้าปลีก การลงทุนในทรัพย์สินถาวร

 

สำหรับการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์ที่ผ่านมา ( 5-9 กันยายน 2565)  ดีดตัวขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้า แม้เผชิญแรงขายจากกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ ทั้งนี้ SET Index แกว่งตัวกรอบแคบช่วงต้นสัปดาห์ตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศ ก่อนจะทยอยปรับขึ้นในช่วงที่เหลือของสัปดาห์

 

โดยหุ้นกลุ่มที่หนุน SET Index  หลักๆ ได้แก่ กลุ่มพลังงานที่มีปัจจัยบวกส่วนหนึ่งจากการประชุมโอเปกซึ่งมีมติปรับลดกำลังการผลิตลงในเดือนหน้า รวมถึงกลุ่มเทคโนโลยี ที่มีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่แห่งหนึ่ง รับข่าวตลท. เตรียมปรับปรุงเกณฑ์ Turnover Ratio สำหรับการพิจารณาคัดเลือกหุ้นใน SET50 และ SET100

โดยในวันศุกร์ (9 ก.ย.) ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,654.62 จุด เพิ่มขึ้น 2.00% จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 337,067.92 ล้านบาท เฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 67,413.58 ล้านบาท ลดลง 11.39% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai เพิ่มขึ้น 5.18% มาปิดที่ 666.98 จุด 

 

การซื้อขายแยกตามรายกลุ่มนักลงทุนดังนี้    

 

  • นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 5,203.77 ล้านบาท  มูลค่าสะสมตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน สถานะซื้อสุทธิ 163,944.86 ล้านบาท
  • นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 2,531.28 ล้านบาท มูลค่าสะสมตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน สถานะขายสุทธิ 118,517.80 ล้านบาท 
  • บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 2,309.33 ล้านบาท มูลค่าสะสมตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน สถานะซื้อสุทธิ 807.69 ล้านบาท 
  • นักลงทุนรายย่อยในประเทศซื้อสุทธิ 363.14 ล้านบาท มูลค่าสะสมตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน สถานะขายสุทธิ 46,234.75  ล้านบาท