บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส (ASPS) ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ ( 7 ก.ย.65 ) ว่าวานนี้ตลาดหลักทรัพย์ ฯ เปิดรับฟังความเห็นปรับปรุงเกณฑ์ Turnover ในการคำนวณหุ้นเข้า SET50 และ SET100 จากเพดานที่ 5% ต่อเดือน ลดลงมาเหลือ 2% ต่อเดือน ( เริ่มมีผลใช้ในรอบครึ่งแรกปี66 ) เนื่องจากพฤติกรรมหุ้นขนาดใหญ่ ณ ปัจจุบัน มี Turnover หรือสภาพคล่องที่ลดลงมาก อาจส่งผลให้ดัชนี SET50 SET100 ในอนาคตมีการเปลี่ยนแปลงและไม่สะท้อนภาพตลาดที่แท้จริงได้ จึงมีการปรับปรุงเกณฑ์ดังกล่าว เพื่อให้ดัชนีสะท้อนภาพตลาดได้อย่างเหมาะสม พร้อมกับระดับ Liquidity สอดคล้องกับสภาพของการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดฯ
เบื้องต้นฝ่ายวิจัย ASPS ได้ทำการศึกษาค้นหา “หุ้นได้-เสียประโยชน์ จากการปรับปรุงเกณฑ์ใหม่” เริ่มจากหุ้นที่ได้ประโยชน์แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ดังนี้
1. หุ้นขนาดใหญ่ที่อยู่ใน SET50 สภาพคล่องต่ำ (มี Turnover เฉลี่ยต่อเดือนลดลงเหลือเพียง 3 –4.5%) เดิมเพดานเกณฑ์ 5% ได้แรงหนุนจากความกังวลว่าจะหลุด SET50 ในอนาคตยากขึ้น อาทิ INTUCH มี Turnover เฉลี่ยต่อเดือน(ช่วง 12/21 - 08/22) 3.04% , AWC 3.08%, AOT 3.68%, OR 3.74%, GULF3.93% , PTT 3.94% หุ้นตัวอื่นๆ ดังตารางทางด้านล่าง
2. หุ้นที่มีโอกาสเข้าดัชนี SET50 รอบถัดไป และในอนาคต แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม
ส่วนหุ้นที่อาจถูกกดดันว่าอาจจะหลุด SET50 ในรอบ 1H66 ดูจากหุ้นที่มี Market Cap. น้อยใน SET50 อาทิ BLA, KCE, SAWAD, IRPC อย่างไรก็ตาม เกณฑ์ตลาดจะใช้ Market Cap. เฉลี่ยในเดือน ก.ย. - พ.ย. 65 มาจัดลำดับ เฉพาะฉะนั้นต้องดู ลำดับ Market Cap. ณ เวลานั้นอีกทีรวมถึงในอนาคตหุ้นขนาด กลาง - เล็ก อาจจะมีโอกาสเข้าดัชนี SET50 – SET100 ยากขึ้น
สรุปกลยุทธ์แนะนำหุ้นเด่นมีโอกาสเข้า SET50 รอบ 1H66 ไปสูง อย่าง DELTA, BJC (มีโอกาสเข้าทั้ง SET50 และ SET100) , RATCH COM7 (มีโอกาสเข้า SET50) เป็น Toppick
สอดคล้องกับ บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด มองการปรับเกณฑ์ Turnover Ratio จะเปิดทางหุ้นใหญ่และดีเข้า SET50 อีกครั้ง โดยฝ่ายวิจัย บล.หยวนต้า คาดว่า DELTA, RATCH, BJC มีโอกาสเข้า SET50 ด้วยเกณฑ์ใหม่ จากการประเมินเบื้องต้น โดยอิงข้อมูลตั้งแต่ ธ.ค. 2564 ถึงปัจจุบัน แล้วพิจารณาเฉพาะผลจากการปรับเกณฑ์ Turnover Ratio ลงจาก 5% เหลือ 2% พบว่า หุ้นขนาดใหญ่ 50 อันดับแรกที่อยู่นอก SET50 และผ่านเกณฑ์เชิงปริมาณทั้งหมด คือ RATCH และ DELTA ทำให้มีโอกาสกลับเข้า SET50 รอบหน้าที่จะประกาศกลางเดือน ธ.ค. 2565 สูงมาก
ส่วน BJC เป็นหุ้นที่มีขนาดใหญ่ลำดับที่ 35 ด้วย Market Cap. เฉลี่ย 1.3 แสนล้านบาท มี Turnover Ratio มากกว่า 2% มาแล้ว 6 เดือน หากยังสามารถรักษาสถานะได้ต่อเนื่องระหว่าง ก.ย.-พ.ย. 2565 จะมีโอกาสกลับเข้า SET50 ในรอบหน้าเช่นกัน ซึ่ง BJC และ DELTA เป็นหุ้นที่ยังไม่ได้อยู่ทั้งใน SET50 และ SET100
โดยหาก 3 หลักทรัพย์นี้กลับเข้า SET50 หุ้นที่มีโอกาสหลุดตามลำดับของ Market Cap. ณ ปัจจุบัน คือ SAWAD, KCE, BLA ซึ่งยังมีความไม่แน่นอน เพราะ Market Cap. มีโอกาสเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญใน 3 เดือนข้างหน้าก่อนประกาศดัชนีรอบใหม่
แนะนำซื้อสะสม RATCH และ BJC เพราะเป็นหุ้นเด่นในกลุ่ม Domestic และ DefensivePlay ที่เป็น Theme การลงทุนหลักของเราในช่วงนี้