"หุ้นปันผล"จ่ายเป็นเงินสดหรือเป็นหุ้น แตกต่างอย่างไร เลือกแบบไหนดี

08 ก.ย. 2565 | 22:05 น.

"หุ้นปันผล"ฤดูกาลจ่ายปันผลระหว่างกาล บริษัทจดทะเบียน(บจ.) ส่วนใหญ่มักจะจ่ายปันผลเป็นเงินสด ขณะที่บางบริษัทจ่ายเป็นหุ้น การจ่ายเป็นเงินสดหรือหุ้นก็ดีมีข้อแตกต่างอย่างไร และเลือกแบบไหนดี มาดูกันเลยที่นี่

เข้าสู่ฤดูกาลจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล สำหรับงวดผลประกอบการรอบ 6 เดือนแรกของปี 2565 ซึ่งบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ประกาศผลดำเนินงานเสร็จสิ้นไปแล้ว ทั้งนี้จากข้อมูลการจ่ายปันผลระหว่างกาลในปี 2564 พบว่ามี 225 บริษัท มีอัตราเงินปันผลตอบแทน ( Divedend Yield ) เฉลี่ยอยู่ที่ 1.77%  

 

ปัจจุบันบริษัทจดทะเบียนนิยมจ่ายปันผล 2 แบบ คือ

 

  • จ่ายเป็นเงินสด (Cash Dividend) เป็นรูปแบบที่บริษัทนิยมมากที่สุด โดยเงินปันผลนำมาจากกำไรหรือกำไรสะสมของบริษัท เป็นการจ่ายเงินปันผลจากการดำเนินงานปกติ 
  • จ่ายเป็นหุ้น (Equity Stock Dividend) ด้วยการเพิ่มทุนเป็นหุ้นสามัญแล้วนำมาจ่ายปันผล โดยกำหนดจ่ายเป็นอัตราส่วนที่กำหนดเช่น จ่ายเงินปันผลเป็นหุ้นปันผลในอัตราส่วน 10:1 หมายความว่า ผู้ถือหุ้นเดิมจะได้รับหุ้นปันผล 1 หุ้นทุก ๆ หุ้นเดิมที่ถือจำนวน 10 หุ้น ดังนั้น หากถือหุ้นสามัญ 1,000 หุ้น จะได้รับหุ้นปันผล 100 หุ้น หากถือหุ้นสามัญ 10,000 หุ้น จะได้รับหุ้นปันผล 1,000 หุ้น เป็นต้น

ความแตกต่างระหว่างจ่ายปันผลเป็น"เงินสด"กับจ่ายเป็น"หุ้น"

 

นางสาวอาภาภรณ์ แสวงพรรค ผู้อำนวยการบริหาร ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด (DBSV)  กล่าวว่า กรณีที่เลือกรับเป็นเงินสด หมายถึง รายได้และเงินจะถูกโอนเข้าบัญชีนักลงทุนโดยตรง บริษัทที่เลือกจ่ายปันผลด้วยวิธีนี้ต้องมีกระแสเงินสดเพียงพอ 

 

ซึ่งข้อดี ก็คือ สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ถือหุ้น ด้านผู้ถือหุ้นมองว่าบริษัทมีสภาพคล่องทางการเงินดี ผลประกอบการแข็งแกร่ง ไว้วางใจว่าบริษัทจะสร้างความมั่งคั่งไปพร้อม ๆ กับการสร้างธุรกิจให้ขยายตัวเพิ่มขึ้น ที่สำคัญจะไม่เกิด Dilution Effect (จำนวนหุ้นเพิ่มขึ้น และราคาหุ้นลดลง)

 

ขณะที่การรับปันผลเป็นหุ้น หุ้นก็จะถูกโอนเข้าพอร์ตลงทุนของนักลงทุนโดยตรง ซึ่งบริษัทมักจะเก็บเงินสดเอาไว้เป็นเงินทุนหมุนเวียน (Working Capital) เตรียมขยายการลงทุนโดยไม่ต้องไปกู้ยืม หรือเป็นอีกทางหนึ่งที่ช่วยเพิ่มสภาพคล่องในการซื้อขายหุ้น (เพิ่ม Free Float) อีกทั้ง ประเมินว่าในปีถัดไปธุรกิจมีโอกาสฟื้นตัวและผลประกอบการเติบโตอย่างก้าวกระโดด และไม่กังวลเกี่ยวกับการเกิด Dilution Effect

 

แต่ข้อกังวล คือ หากในปีถัดไปผลประกอบการเติบโตน้อยกว่า Dilution Effect จะทำให้กำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) ลดลง และหากกำไรในปีถัดไปเติบโตน้อยกว่าการเกิด Dilution Effect บริษัทอาจต้องประเมินว่าจะจ่ายปันผลเป็นหุ้นลดลงหรือไม่
 

จ่ายเป็นเงินสด หรือหุ้น เลือกแบบไหนดี

 

หากพูดถึงความนิยม นักลงทุนส่วนใหญ่ยังชื่นชอบหุ้นปันผลที่จ่ายเป็นเงินสด โดยเฉพาะผู้ที่มีความต้องการเงินสดเพื่อใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน เช่น วัยเกษียณ หรือมีแผนนำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์อื่น ๆ เช่น กองทุนรวม ทองคำ อสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น

 

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันนักลงทุนหลายคนชื่นชอบการได้รับเงินปันผลเป็นหุ้น เพราะหุ้นปันผลที่ได้รับอาจมีมูลค่าเพิ่มขึ้น ทำให้ได้รับอัตราผลตอบแทนที่ดี หมายความว่า เมื่อเวลาผ่านไปหากราคาหุ้นขยับขึ้น เช่น วันที่รับปันผลเป็นหุ้น ราคาหุ้นอยู่ที่ 2 บาท วันนี้ราคาหุ้นอยู่ที่ 5 บาท มูลค่าเพิ่มที่ได้รับอาจมากกว่าการได้เงินปันผลเป็นเงินสด ซึ่งเหมาะกับนักลงทุนที่เชื่อมั่นว่าธุรกิจจะเติบโตในระยะยาว หรือผู้ที่ไม่มีความจำเป็นต้องใช้เงิน เช่น ผู้ที่มีรายได้ประจำและต้องการให้หุ้นปันผลอยู่ในแผนการเงินเพื่อวัยเกษียณ เป็นต้น