ผลตอบแทนกองน้ำมันบวก15% คาดระยะยาวแพ้ทางรถยนต์EV

28 ก.พ. 2565 | 08:15 น.

กูรูวงการกองทุนชี้ เป็นจังหวะดีที่จะตัดใจทิ้งจากลงทุนน้ำมัน เหตุปีนี้ไม่ใช่กองทุนแนะนำ แม้จะสร้างผลตอบแทนพุ่ง 66% ในปี 64 แจงเป็นกองทุนที่มีความผันผวนสูงและภาพรวมผลตอบแทนระยะยาวยังติดลบ จากเทรนด์โลกกับการมาของรถยนต์EV

  • กองทุนน้ำมันให้ผลตอบแทนแซงหน้าทุกองทุนในปี 2564 อยู่ที่ 65.93%  ขณะที่ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน +15.53% 
  • รัสเซียเข้าโจมตียูเครน สหรัฐฯและประเทศพันธมิตรมีการใช้มาตรการคว่ำบาตร แต่มาตรการดังกล่าวจะไม่กระทบต่อการส่งออก พลังงานของรัสเซีย
  • ปี 2021 ประมาณการณ์ยอดขายรถยนต์นั่งส่วนบุคคล (EV) ทั่วโลกอยู่ที่ 6.3 ล้านคัน ซึ่งเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าจากยอดรวมในปี 2020
  • Honda ประกาศนโยบายยกเลิกการจำหน่ายรถยนต์ที่ใช้งานเครื่องยนต์แบบสันดาปภายในเป็นรถไฟฟ้า 100% ทั้งหมดทั่วโลกภายในปี 2040 

ผลตอบแทนกองน้ำมันบวก15% คาดระยะยาวแพ้ทางรถยนต์EV

 

รายงานข่าวจากมอร์นิ่งสตาร์ ไทยแลนด์ ณ วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2565 พบว่า 5 อันดับผตตอบแทนกองทุนน้ำมัน คือ 

  1. กองทุนเปิด ทิสโก้ ออยล์ ทริกเกอร์ 8% #6 (TOIL6) ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน15.53%
  2. กองทุนเปิด ทิสโก้ ยูเอส ออยล์ (TUSOIL) ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน15.48%
  3. กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี อินเตอร์เนชั่นแนล ออยล์ ฟันด์ (I-OIL) ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน 15.22%
  4. กองทุนเปิดเค ออยล์(K-OIL) ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน 12.23%
  5. กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ออยล์(SCBOIL) ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน 11.74%

 

กลุ่มกองทุนน้ำมัน เป็นสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดในปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 65.93% และย้อนหลัง 3 ปี อยู่ที่ 8.60% ต่อปี ย้อนหลัง 5 ปีอยู่ที่ 0.18% ต่อปี แต่ยังให้ผลตอบแทนเฉลี่ย -8.61%  ต่อปีหากดูผลงานย้อนหลัง 10 ปี กองทุนน้ำมัน ถือเป็นกองทุนที่มีความผันผวนสูงและภาพรวมผลตอบแทนระยะยาวยังติดลบอยู่ โดยกองทุนน้ำมันในปี 2564 มีมีเงินไหลออกประมาณ 2,471 ล้านบาท

 

เชื่อว่าสิ่งที่นักลงทุนอยากรู้คือ

  1. ได้เวลาออกหรือยัง
  2. ยังมีโอกาสสร้างผลตอบแทนเพิ่มไหมในปีนี้
  3. ระยะยาวยังควรมีการลงทุนในน้ำมันอยู่อีกหรือไม่ 

สำหรับพอร์ตการลงทุนปี 2022  ที่มีการแนะนำโดย บลจ.กสิกรไทย ระบุว่า นักลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงได้ปานกลางควรแบ่งการลงทุนประกอบด้วย ตราสารหนี้ในประเทศ 34%  ตราสารหนี้ต่างประเทศ 1% หุ้น55% โครงสร้างพื้นฐาน 3% อสังหาริมทรัพย์ 2% ทองคำ 5%

 

ส่วนนักลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงได้สูง ควรแบ่งเป็นการลงทุนในหุ้น 85% ตราสารหนี้ 10% โครงสร้างพื้นฐาน 3% อสังหาริมทรัพย์ 1% ทองคำ 1% ซึ่งมีมุมมองต่อการลงทุนในราคาน้ำมันแบบกลางๆ แต่ไม่อยู่ในพอร์ตการลงทุนที่แนะนำเบื้องต้น

 

ทั้งนี้ การที่ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วสะท้อนให้เห็นถึงมุมมองของนักลงทุนต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งในปีนี้กลุ่มโอเปคจะมีบทบาทต่อความเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันมากขึ้น และประมาณการณ์ว่าภาพรวมของราคาน้ำมันในปี  2022 จะอยู่ในกรอบ 78-87 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรลล 

 

อย่างไรก็ตาม (21ก.พ.65) รอยเตอร์รายงานว่า สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบเบรนท์เพิ่มขึ้น 1.34 ดอลลาร์ หรือ 1.4% ที่ 94.88 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล (23.12 GMT) ขณะที่ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้า West Texas Intermediate (WTI) ของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 1.68 ดอลลาร์ หรือ 1.8% ที่ 92.75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากแตะระดับสูงสุดที่ 92.93 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

 

ขณะที่โกล์แมนแซกคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบ ICE Brent เฉลี่ยในปี 2565 ที่ 96 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ปรับเพิ่มจาดคาดการณ์ครั้งก่อนซึ่งอยู่ที่ 81 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล และคาดการณ์ปี 2566 อยู่ที่ 105 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
 

  • ระยะสั้นผันผวนหลายปัจจัยกดดัน

ส่วนราคาจะปรับขึ้นได้อีกหรือไม่นั้น ศูนย์วิเคราะห์ราคาน้ำมัน กลุ่มไทยออยล์ ระบุว่า ราคาน้ำมันดิบ(28 ก.พ.) ปรับลดหลังจากพุ่งทะลุ 100 เหรียญในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมา หลังสหรัฐฯ ยืนยันที่จะไม่ใช้มาตรการ คว่ำบาตรต่อการส่งออกน้ำมันจากรัสเซีย ส่งผลให้ตลาดคาดการส่งออกน้ำมันจากรัสเซีย จะได้รับผลกระทบไม่มากนัก

 

อย่างไรก็ตาม ในช่วงสุดสัปดาห์สหรัฐฯและพันธมิตรประกาศระงับ SWIFT Code ของรัสเซีย ขณะที่สถานการณ์มีแนวโน้มทวีความรุนแรง หลังรัสเซียมีการโจมตีคลังเก็บน้ำมันและท่อขนส่งก๊าซธรรมชาติในยูเครน ทั้งนี้ท่อขนส่งก๊าซธรรมชาติดังกล่าวไม่ได้รับผลกระทบจากการโจมตี

 

สหรัฐฯ มีการหารือกับชาติพันธมิตรและจีนเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการปล่อยน้ำมันเเชิงยุทธศาสตร์ (SPR)เพิ่มเติม เพื่อพยายามลดอัตราเงินเฟ้อที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามราคาพลังงานที่มีการปรับตัวสูงขึ้นเป็นอย่างมากตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา

 

ตลาดจับตาการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและชาติพันธมิตร หรือ โอเปกพลัสที่จะจัดขึ้น ในวันที่ 2 มี.ค. เพื่อกำหนดนโยบายการผลิตสำหรับเดือน เม.ย. 65 โดยตลาดคาด ทางกลุ่มจะคงมติการปรับเพิ่มการผลิตที่ 4 แสนบาร์เรลต่อวัน

 

 

ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวลดลงน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงหนุนจากตัวเลขการส่งออกน้ำมันเบนซินจากจีนในเดือน ม.ค. ที่ปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับเดือน ธ.ค.64 ขณะที่ความต้องการใช้น้ำมันเบนซินมาเลเซียและอินโดนีเซีย ในเดือน ก.พ. ยังอยู่ในระดับสูง แม้ว่าจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศจะปรับตัวสูงขึ้นก็ตาม

 

 

 

ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวลดลงน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงหนุนจากปริมาณน้ำมันดีเซลและอากาศยานคงคลังสิงคโปร์ประจำสัปดาห์ สิ้นสุดวันที่ 23 ก.พ. ที่ปรับตัวลดลงลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบมากกว่า 6 สัปดาห์

 

  • โลกแห่งอนาคตน้ำมันแพ้ทาง EV

Bloombergม รายงานว่าในปี 2021 ประมาณการณ์ยอดขายรถยนต์นั่งส่วนบุคคล (EV) ทั่วโลกอยู่ที่ 6.3 ล้านคัน ซึ่งเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าจากยอดรวมในปี 2020 จากหลังจากยอดขายที่สูงกว่าที่คาดการณ์ในจีนในไตรมาส 3 ปี 2564 โดยไตรมาสที่สามของปี 2564 มียอดขายรถยนต์ไฟฟ้าสำหรับผู้โดยสารทั่วโลกเพิ่มขึ้น 94% เมื่อเทียบเป็นรายปี เหลือเพียง 1.7 ล้านคัน นี่เป็นไตรมาสที่สี่ติดต่อกันที่มีการขายรถยนต์ EV โดยสารมากกว่า 1 ล้านคัน 

 

ทั้งนี้จีนและยุโรปยังคงเป็นผู้นำตลาด เนื่องจากผู้ผลิตรถยนต์ในทั้งสองภูมิภาคต่างผลักดันให้ปฏิบัติตามกฎระเบียบการประหยัดเชื้อเพลิง และยังคงมีแนวโน้มเติบโตขึ้นอีกทั่วโลกในปีนี้ แม้ว่าปัญหาการขาดแคลนชิปทั่วโลกที่กำลังดำเนินอยู่อาจส่งผลกระทบต่อความพยายามของผู้ผลิตรถยนต์ในการดำเนินการตามคำสั่งซื้อทั้งหมดในปี 2565

 

ทั้งนี้ มีการคาดการณ์ด้วยว่ารถสันดาปภายในตัวสุดท้ายจะต้องออกจากสายการผลิตประมาณปี 2578 และถึงแม้จะต้องเลิกใช้รถยนต์รุ่นเก่าบางส่วนในปี 2040 โดย Honda ประกาศนโยบายยกเลิกการจำหน่ายรถยนต์ที่ใช้งานเครื่องยนต์แบบสันดาปภายในเป็นรถไฟฟ้า 100% ทั้งหมดทั่วโลกภายในปี 2040

 

มีการคาดการณ์ว่า ในปี 2030 ยอดจำหน่ายของฮอนด้าในตลาดใหญ่ทั่วโลก จะมียอดที่เป็นรถไฟฟ้าและรถพลังงานไฮโดรเจนราว 40% และจะขยับขึ้นเป็น 80% ภายในปี 2035 และจะเพิ่มเป็น 100% ได้ในปี 2040 

 

สรุปแล้วถ้าดูจากข้อมูลเงินไหลออกจากกองทุนน้ำมันและการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันในช่วงที่ผ่านมาหลายคนคงมองว่า เป็นจังหวะที่ดีในการตัดใจทิ้งจากการลงทุนน้ำมัน ซึ่งจากการสอบถามบรรดาแหล่งข่าวในวงการกองทุนรวมพบว่า ส่วนใหญ่กองทุนน้ำมันจะไม่ใช่กองทุนแนะนำในปีนี้

 

ส่วนระยะสั้นจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกหรือไม่ หลังจากรอบนี้เริ่มปรับตัวขึ้นไปในระดับสูงแล้วนั้น เชื่อว่าอัพไซด์จะเห็นได้ไม่มากนักถ้าเทียบกับช่วงที่ผ่านมา เพราะถ้าดูราคาปัจจุบันกับกรอบที่โกลด์แมนแซกคาดไว้ที่ 105 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรลในปี 2566 ท่ามกลางความผันผวน ขณะที่ระยะยาวยังน่าสนใจอยู่หรือไม่นั้น ถ้ามองจากเทรนด์โลกกับการมาของเครื่องยนต์EV แล้ว บอกได้เลยว่าแพ้ทางมวยสด ซ้อมมาดีเสียมากกว่า