“บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ จำกัด” (SCB Julius Baer) บริษัทร่วมทุนระหว่าง “ธนาคารไทยพาณิชย์” และ “จูเลียส แบร์” (Julius Baer) เผยความมั่งคั่งและไลฟ์สไตล์จากทั่วโลก ประจำปี 2021 คนรวยทั่วโลกเพิ่มขึ้นแค่ 1.05% พร้อมส่งต่อเวลธ์ให้รุ่นถัดไปอย่างยั่งยืน พบกลุ่มไฮเอ็นเฟ้นการจับจ่าย ลงทุนมากขึ้น จากผลกระทบโควิด-19 แต่ทวีปเอเชียยังคงเป็นภูมิภาคที่มูลค่าการบริโภคแพงที่สุด
จากรายงานความมั่งคั่ง และไลฟ์สไตล์จากทั่วโลก ประจำปี 2021 (Global Wealth and Lifestyle Report 2021 -GWLR) ที่จัดทำขึ้นโดยจูเลียส แบร์ สะท้อนไลฟ์สไตล์ผู้บริโภค การจัดการความมั่งคั่ง การลงทุนเพื่อสร้างประโยชน์ต่อสังคมในกลุ่มผู้มีความมั่งคั่งระดับสูง (High-Net-Worth Individual - HNWI) ใน 25 เมืองสำคัญทั่วโลก
นางสาวลลิตภัทร ธรณวิกรัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ จำกัด กล่าวว่า จากรายงานความมั่งคั่ง และไลฟ์สไตล์จากทั่วโลก ประจำปี 2021(Global Wealth and Lifestyle Report 2021 -GWLR) ที่จัดทำขึ้นโดยจูเลียส แบร์ พบว่าการลงทุนคือสิ่งจำเป็น ในช่วงที่ผ่านมานี้ถือว่าค่าใช้จ่ายสำหรับการรักษาไลฟ์สไตล์ที่สะดวกสบาย และความเป็นอยู่ที่ดีนั้นเพิ่มสูงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ดัชนีแสดงให้เห็นว่ามูลค่าสินค้า และบริการเพิ่มสูงขึ้น โดยเป็นผลจากค่าเงินเฟ้อ ความผันผวนของสกุลเงิน ผลกระทบจากกฎระเบียบในท้องถิ่น และอัตราภาษี การรักษาระดับความมั่งคั่งในระดับที่เคยทำมาอาจไม่เพียงพออีกต่อไป เพื่อรักษาระดับความมั่งคั่งนั้นไว้ กลุ่ม HNWI จะต้องมีความเชื่อมั่น และยังคงลงทุนต่อไป การรักษาความมั่งคั่งให้กับคนรุ่นต่อไปจะต้องใช้ความคิดเชิงกลยุทธ์ในระยะยาว โดยจะบรรลุถึงเป้าหมายนี้ได้ด้วยการวางแผนด้านความมั่งคั่งอย่างชาญฉลาดให้กับครอบครัว และสามารถปฏิบัติตามเส้นทางของกลยุทธ์เพื่อให้มั่นใจได้ว่าจะรักษา และส่งต่อความมั่งคั่งต่อไปจากรุ่นสู่รุ่น โดยไม่เพียงมุ่งเน้นการเพิ่มมูลค่าความมั่งคั่งสูงสุดเท่านั้น แต่เป็นการสร้างค่านิยมด้านความมั่งคั่งแบบใหม่ที่จะสามารถยืนหยัดท้าทายบททดสอบของกาลเวลา และสร้างอิทธิพลในเชิงบวกให้กับโลกนี้ต่อไปได้
“บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ พร้อมที่จะนำความเชี่ยวชาญ โดยมีทีม Expert Advisory ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนที่มีความรู้ และมีประสบการณ์ ความสามารถด้านการบริหารความมั่งคั่งที่ได้มาตรฐานของจูเลียส แบร์ให้คำแนะนำ และคำปรึกษาแก่ลูกค้าคนสำคัญเพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถประเมินผลตอบแทนของพอร์ตการลงทุน เพื่อส่งต่อความมั่งคั่งให้กับรุ่นถัดไปได้อย่างยั่งยืน”
ทั้งนี้รายงานดังกล่าว สะท้อนถึงไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคในกลุ่มผู้มีความมั่งคั่งระดับสูง (High-Net-Worth Individual - HNWI) ใน 25 เมืองสำคัญทั่วโลกภายใต้ดัชนีชี้วัดที่มีความหลากหลาย อาทิ ราคาสินค้า และบริการ รวมถึงพฤติกรรมของผู้บริโภค เพื่อตรวจวัดอัตราเงินเฟ้อของราคาสินค้า และบริการต่าง ๆ ที่เป็นตัวแทนของกลุ่มผู้บริโภค HNWI ในเมืองต่าง ๆ ทั่วโลก โดยผลกระทบของโควิด-19 ที่มีต่อการบริโภคของลูกค้าระดับไฮเอนด์ ถือเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบอย่างเห็นได้ชัดต่อราคาสินค้า และบริการต่าง ๆ ในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านเที่ยวบิน และห้องพักโรงแรม วิกฤตของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั่วโลกในปี 2020 ส่งผลกระทบอย่างมากต่อดัชนีในปีนี้ โดยในภูมิภาคเอเชีย กรุงเทพฯและสิงคโปร์ต่างก็ลดอันดับลง ในขณะที่หลาย ๆ เมืองในยุโรปก็เกิดภาวะการขาดแคลนนักท่องเที่ยวอย่างเป็นปรากฏการณ์เช่นกัน ปัจจุบัน ยังไม่มีความชัดเจนว่าอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจะดำเนินไปอย่างไรท่ามกลางวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นนี้ ถึงแม้ว่าในช่วงที่สถานการณ์และข้อจำกัดต่าง ๆ อาจจะคลี่คลายลง และการท่องเที่ยวมีแนวโน้มกลับมาเฟื่องฟูอีกครั้ง แต่การเปลี่ยนแปลงความคิดของผู้บริโภค และความระมัดระวังรักษาระยะห่างเพื่อให้มีชีวิตอยู่อย่างยั่งยืนมากขึ้น อาจเป็นอุปสรรคขัดขวางการเติบโตของภาคธุรกิจท่องเที่ยวในระยะยาวได้
จากรายงานพบว่ามีความแตกต่างกันในระดับภูมิภาคต่าง ๆ แต่โดยรวมแล้วราคาสินค้าที่สะท้อนถึงไลฟ์สไตล์ของผู้มีความมั่งคั่งทั่วโลกเพิ่มขึ้นเพียง1.05% โดยทวีปเอเชียยังคงเป็นภูมิภาคที่มีมูลค่าการบริโภคที่ราคาแพงที่สุดข้อมูลของดัชนีดังกล่าวยังคงชี้ให้เห็นข้อสรุปเกี่ยวกับผู้บริโภคที่ต้องการรักษาความมั่งคั่งไม่ให้สูญสลายไปตามกาลเวลา
ส่วนเทรนด์ใหม่ที่เกิดขึ้นทั่วโลก คือ การเพิ่มขึ้นของการใช้วิจารณญาณในการบริโภค (Conscious Consumption) โดยในปีนี้ แนวโน้มการเคลื่อนไหวดังกล่าวได้กลายเป็นกระแสหลักที่ถือเป็นแก่นสำคัญของประเด็นในเกือบทุกภาคส่วน
ประเด็นที่สำคัญจากรายงานฉบับล่าสุด ประกอบด้วย:
• การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้ผู้บริโภคมุ่งมั่น และตระหนักถึงการซื้ออย่างมีจริยธรรม และยั่งยืนมากขึ้น โดยมีหลักฐานมากมายที่พิสูจน์ว่ารูปแบบการบริโภค และความชื่นชอบของผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงเร็วกว่าที่เคยเป็นมา ผู้บริโภคทั่วโลกหันมาใส่ใจกับเทรนด์นี้เพิ่มขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม และได้กลายเป็นกระแสที่กำลังมาแรงในปัจจุบัน โดยในรายงานตั้งข้อสังเกตว่าการใช้จ่ายสำหรับสินค้าฟุ่มเฟือยจะฟื้นตัวขึ้นตามสถานการณ์ แต่ความต้องการซื้อสินค้าที่ผลิตอย่างมีจริยธรรม และยั่งยืนก็จะยังคงเติบโตขึ้น และคาดว่าในอนาคตจะเกิดการผลักดัน และสนับสนุนแนวทางการบริโภคอย่างมีสติมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งในการอุปโภคบริโภค การใช้ชีวิต การทำงาน และการลงทุน ขณะที่ผู้บริโภคหันมาสนใจทางเลือกที่นำเสนอความใส่ใจมากขึ้น โดยปัจจัยนี้อาจส่งผลให้เกิดการสร้างราคาที่ยุติธรรมยิ่งขึ้นในหมู่ผู้ผลิต
แนวโน้มดังกล่าวยังสะท้อนให้เห็นพฤติกรรมของผู้บริโภคกลุ่ม HNWI ในด้านการจัดการความมั่งคั่ง ให้มีความมั่นคงสืบต่อไปถึงรุ่นลูกหลาน และอาจจะเป็นความพยายามในการรักษาความมั่งคั่งโดยรวมให้กับโลกนี้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการวางแผนที่มองการณ์ไกล การลงทุนที่สร้างผลกระทบ (Impact Investment) การใช้โซลูชันอย่างยั่งยืน หรือการลงทุนเพื่อประโยชน์ของสังคม (Philanthropy)
หมวดสินค้าฟุ่มเฟือยที่ราคาตกลงมากที่สุดในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ได้แก่ รองเท้าสำหรับสุภาพสตรี (-11.7%) และห้องสวีทในโรงแรม (-9.3%) ส่วนสินค้าฟุ่มเฟือยที่มีกำไรสูงสุดคือเที่ยวบินชั้นธุรกิจ (+ 11.4%) และวิสกี้ (+ 9.9%) การใช้จ่ายเชิงประสบการณ์ (Experiential Spending) เพิ่มสูงขึ้น ข้อมูลจากรายงานเผยว่าค่าใช้จ่ายในการรับประทานอาหารแบบไฟน์ไดน์นิ่ง (Fine Dining) เพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคมีความเต็มใจที่จะจ่ายเงินมากขึ้นเพื่อเปิดประสบการณ์ด้านอาหารหลังช่วงวิกฤตโควิด-19 ซึ่งสอดคล้องกับเทรนด์การใช้จ่ายแบบ “เชิงประสบการณ์” ที่เพิ่มขึ้นในปัจจุบัน หลังจากการกักตัว และการได้รับผลกระทบที่จำกัดการใช้ชีวิตจากการล็อกดาวน์หลายครั้งในทั่วโลก ผู้บริโภคมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนจากการใช้จ่ายสินค้าอย่างรอบคอบไปสู่การจับจ่ายเพื่อการเดินทางท่องเที่ยว จัดงานอีเวนท์ และประสบการณ์ต่าง ๆ อันเป็นที่น่าจดจำ
ผู้ที่สนใจสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติม และดาวน์โหลดรายงานความมั่งคั่งและไลฟ์สไตล์จากทั่วโลก ประจำปี 2021 “Julius Baer - Global Wealth and Lifestyle Report 2021”