How to ออกแบบการลงทุน ในกรมธรรม์ Unit-Linked

19 ก.พ. 2564 | 01:02 น.
อัปเดตล่าสุด :06 เม.ย. 2564 | 21:05 น.

ผลิตภัณฑ์การเงิน Unit-Linked หรือ ประกันชีวิตควบการลงทุน  กำลังได้รับความนิยมสูง เพราะได้รับทั้งความคุ้มครองในส่วนของประกันชีวิต และโอกาสสร้างความมั่งคั่ง การลงทุนใน Unit-Linked ถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่ช่วยให้ผู้ถือกรมธรรม์บรรลุเป้าหมายในหลายๆด้าน

 

ปัจจุบันผลิตภัณฑ์การเงินอย่าง Unit-Linked (ประกันชีวิตควบการลงทุน) กำลังได้รับความนิยมสูงขึ้นเรื่อยๆ ในประเทศไทย เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์การเงินที่ผู้ถือกรมธรรม์ได้รับทั้งความคุ้มครองในส่วนของประกันชีวิต และโอกาสสร้างความมั่งคั่ง จากการเพิ่มขึ้นของมูลค่าหน่วยลงทุนในอนาคต การออกแบบการลงทุนในกรมธรรม์ Unit-Linked ถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่ช่วยให้ผู้ถือกรมธรรม์บรรลุเป้าหมายต่างๆ ของการซื้อกรมธรรม์ Unit-Linked ไม่ว่าจะเป็นเป้าหมายการสร้างกองมรดก การเกษียณอายุ การศึกษาบุตร เป็นต้น วันนี้เราจะมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับการออกแบบการลงทุนในกรมธรรม์ Unit-Linked กัน

แนวทางการเลือกลงทุน

ผู้ทำประกันควรกระจายการลงทุนในหลายๆ สินทรัพย์ โดยสามารถลงทุนในรูปแบบพอร์ตการลงทุน (Portfolio Asset Allocation) ขอแนะนำลงทุนอย่างน้อย 3 - 4 กองทุน เพื่อกระจายความเสี่ยง ซึ่งบริษัทประกันชีวิตมักมีกองทุนหลากหลายประเภทให้ลูกค้าเลือกลงทุน ซึ่งกองทุนรวมแต่ละประเภทมีประโยชน์และทำหน้าที่แตกต่างกันออกไป

⦁    กองทุนรวมตลาดเงิน ทำหน้าที่ พักเงิน หรือรอจังหวะเพื่อสับเปลี่ยนไปยังกองทุนอื่นๆ
⦁    กองทุนรวมตราสารหนี้ ทำหน้าที่ สร้างผลตอบแทนที่มั่นคงให้กับพอร์ตการลงทุน
⦁    กองทุนรวมตราสารทุน (หุ้น) ทำหน้าที่ เพิ่มมูลค่า และสร้างความมั่งคั่งในอนาคต 
⦁    กองทุนรวมสินทรัพย์ทางเลือก (เช่น อสังหาริมทรัพย์ ทองคำ) ทำหน้าที่ กระจายและลดความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน

 

อัตราผลตอบแทนคาดหวัง

อันที่จริงแล้ว Unit-Linked นั้นเหมาะกับผู้ที่สามารถยอมรับความเสี่ยงจากการลงทุนได้ในระดับหนึ่ง ที่สำคัญ Unit Linked มีการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายที่แตกต่างจากการลงทุนในกองทุนรวมทั่วไป ซึ่งค่าใช้จ่ายที่เรียกเก็บในแต่ละปี ได้แก่
⦁    ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการประกันภัย (Premium Charge)
⦁    ค่าการประกันภัย (COI)
⦁    ค่าธรรมเนียมการบริหารกรมธรรม์ (Admin Fees)
⦁    ค่าธรรมเนียมการรักษากรมธรรม์ (Policy Fees)

โดยค่าใช้จ่ายที่สำคัญ คือ ค่าการประกันภัย (COI) ซึ่งหากผู้ทำประกัน Unit-Linked แบบชำระเบี้ยรายงวด (Regular Premium) เลือกทุนความคุ้มครองชีวิตที่สูง จะทำให้เสียค่าการประกันภัย (COI) สูง ในทางกลับกัน หากเลือกทุนความคุ้มครองชีวิตที่ต่ำ จะทำให้เสียค่าการประกันภัย (COI) น้อยลง ดังนั้น การออกแบบพอร์ตการลงทุนควรให้ความสำคัญกับอัตราผลตอบแทนคาดหวังในแต่ละปี เพื่อให้เงินลงทุนเติบโตเพียงพอต่อค่าการประกันภัย (COI) รวมทั้งค่าใช้จ่ายอื่นๆ ในแต่ละปี
 

สิ่งที่ควรระมัดระวังในการเลือกลงทุน

ไม่ควรเลือกลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้เพียงอย่างเดียว เพราะอาจทำให้ผลตอบแทนไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายของกรมธรรม์ที่เกิดขึ้นในแต่ละปี

ข้อแนะนำ

⦁    ศึกษาหนังสือชี้ชวนส่วนสรุปข้อมูลสำคัญ (Fund Fact Sheet) ก่อนตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง
⦁    การตัดสินใจเลือกลงทุนในกองทุนรวม ไม่ควรพิจารณาผลตอบแทนในอดีตเพียงอย่างเดียว
⦁    ติดตามสถานะของพอร์ตการลงทุนในกรมธรรม์ อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง โดยสามารถดูได้จากมูลค่ารับซื้อคืนหน่วยลงทุนของกรมธรรม์ Unit-Linked
⦁    Portfolio ในกรมธรรม์ Unit-Linked อาจได้รับผลตอบแทนไม่เท่ากับ ผลตอบแทนจากกองทุนรวมทั่วไป เนื่องจากกรมธรรม์ Unit-Linked มีการหักค่าใช้จ่ายที่แตกต่างจากกองทุนรวมทั่วไป

สุดท้ายนี้อยากให้มองผลิตภัณฑ์ Unit-Linked เป็นผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต ที่ให้คุ้มครองชีวิตอย่างคุ้มค่า ส่วนการออกแบบการลงทุนเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการวางแผนผลิตภัณฑ์เท่านั้น

 

โดย สิรภัทร เกาฏีระ นักวางแผนการเงิน CFP®