นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) แถลงตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 4/2562 ขยายตัว 1.6% ปรับลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนอยู่ที่ 3.8% โดย เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4 ปีที่ผ่านมาขยายตัวจากไตรมาส 3 ที่ระดับ 0.2% และทั้งปีขยายตัว 2.4%ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี2561ที่ขยายตัวได้ 4.2%
สาเหตุที่เศรษฐกิจไทยปี2562 ขยายตัวลดลง มาจากปัจจัยส่งออกสินค้าติดลบ 3.6% มูลค่าปรับตัวลดลง 4.9% การลงทุนรวมขยายตัวเพียง 0.9% ลดลงจากไตรมาส 3 ที่ 2.7% การบริโภคภาคเอกชนขยายตัว 4.1%
สำหรับปี 2563 สศช.ประเมินจีดีพีจะขยายตัว 1.5-2.5% โดยมีค่ากลางอยู่ที่ 2.0% ขณะมูลค่าส่งออกทั้งปี 2563 มีโอกาสกลับมาเป็นบวกที่ 1.4% จากสิ้นปี 2562 ติดลบ 3.2%
การคาดการณ์ดังกล่าวอยู่บนสมมุติฐานว่าเศรษฐกิจโลกขยายตัวที่ 3.2% การส่งออกโตได้ที่ 2% ภัยแล้งไม่ลุกลามมากเกินไป โดยกระทบภาคการผลิตไม่เกิน 5% งบประมาณคลี่คลายเร่งเบิกจ่ายได้ 91.2% ในภาพรวม งบลงทุนเบิกจ่ายได้ไม่ต่ำกว่า 65% และการท่องเที่ยวฟื้นกลับมาได้ โดยสถานการณ์ไวรัสโคโรน่าจบได้ใน 3 เดือน หรือราว เม.ย.-พ.ค. มีนักท่องเที่ยว 37 ล้านคน รายได้ไม่ต่ำกว่า 1.73 ล้านล้านบาท
ต่อข้อถามถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอยนั้น นายวิชญายุทธ บุญชิต รองเลขาธิการสศช.ระบุว่า ภาวะเศรษฐกิจถดถอยนั้นพิจารณาจากหลายตัวแปรโดยเฉพาะประเด็นจีดีพีติดลบต่อเนื่อง2ไตรมาส แต่ไตรมาสที่ 4 ที่ผ่านมาอัตราการเติบโตที่ย่อตัวลงจากไตรมาสก่อนแต่แนวโน้ในไตรมาสที่ 1 ปี 2563 มีโอกาสที่จะติดลบแต่ก็เป็นการคิดลบเพียงไตรมาสเดียวจึงยังไม่เข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย
ฉบับเต็ม ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สี่ ทั้งปี 2562 และแนวโน้มปี 2563
อย่างไรก็ตามความไม่แน่นอนจากการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสและภัยแล้ง ข้อจำกัดส่วนใหญ่จะอยู่ในไตรมาส1 จึงมีโอกาสที่จะเห็นจีดีพีติดลบหนึ่งไตรมาสและกลับไปเป็นบวกในไตรมาส 2 บนสมมติฐานว่าผลกระทบจากเชื้อไวรัสโคโรนา(โควิด-19) น่าจะสิ้นสุดในเดือน พ.คจากนั้นจำนวนนักท่องเที่ยวจะกลับมาขยายตัวได้ในเดือนมิ.ย.และภาครัฐเร่งกระบวนการเบิกจ่ายตั้งแต่เดือนเม.ย 2563
"ไตรมาส1 ยังเผชิญไวรัสแต่หลังสงกรานต์จะเริ่มมีนักท่องเที่ยวกลับมาโดยค่อยๆขยายตัวใกล้ปกติเดือนมิ.ย.และไตรมาส4จำนวนนักท่องเที่ยวน่าจะขยายตัวสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดคาดการณ์ทั้งปี63นักท่องเที่ยวมีจำนวน37ล้านคนมีรายได้ที่ประมาณ 1.73ล้านบาท"
สำหรับปี 2563 สศช.ได้เสนอแนวทางการบริหารเศรษฐกิจโดยที่รัฐบาลต้องให้ความสำคัญกับ 1. การศึกษานโยบายการเงินการคลังเพื่อประคับประคองเศรษฐกิจในครึ่งปีแรกและสนับสนุนการฟื้นตัวและการขยายตัวในครึ่งปีหลัง
2. การฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยวให้สามารถกลับมาขยายตัวในครึ่งปีหลังโดยจำนวนและรายได้นักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งปีไม่ต่ำกว่า 37 ล้านคนและ 1.73 ล้านล้านบาทตามลำดับ
โดยให้ความสำคัญกับการยกเว้นค่าธรรมเนียมและค่าปรับให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ไม่สามารถเดินทางเข้ามาในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสหรือการรณรงค์ให้นักท่องเที่ยวไทยหันมาท่องเที่ยวในประเทศและการจัดกิจกรรมการท่องเที่ยวเพื่อกระตุ้นในครึ่งปีหลังรวมถึงการพิจารณาวันหยุดเพิ่มเติมในช่วงครึ่งปีแรกโดยไม่กระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ
3. พยายามขับเคลื่อนการส่งออกให้สามารถขยายตัวไม่ต่ำกว่า 2%(ไม่รวมทองคำ) 4. การเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณประจำปี 2563 งบลงทุนรัฐวิสาหกิจไม่ต่ำกว่า 91.2 %(งบประจำ 98%งบลงทุน65%)
5. สร้างความเชื่อมั่นและสนับสนุนการขยายตัวของการลงทุนเอกชน6. การดูแลผู้มีรายได้น้อยที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งและการลดลงของจำนวนนักท่องเที่ยวรวมถึงการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ