"ทริส"คง“เครดิตพินิจ”แนวโน้ม “ลบ” อันดับเครดิตองค์กรและตราสารหนี้ของ FPT ที่ระดับ A

13 มิ.ย. 2562 | 00:21 น.

Thansettakij เว็บไซต์ข่าวฐานเศรษฐกิจ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหาริมทรัพย์ การเงิน การลงทุน การตลาด เศรษฐกิจ เทคโนโลยี Breaking News อัพเดตข่าวล่าสุดที่นี่

ทริสเรทติ้งคง “เครดิตพินิจ” แนวโน้ม “Negative” หรือ “ลบ” สำหรับอันดับเครดิตองค์กรและตราสารหนี้ของ บริษัท เฟรเซอร์สพร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)  หรือ  FPT ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ระดับ “A” ทั้งนี้ แนวโน้ม “Negative” หรือ “ลบ”แสดงให้เห็นว่าอันดับเครดิตของบริษัทอาจจะได้รับการปรับเปลี่ยนเมื่อการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของ บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)หรือ GOLD  โดยสมัครใจสิ้นสุดลงและเมื่อทริสเรทติ้งได้ทำการวิเคราะห์ผลกระทบที่จะมีต่อสถานะเครดิตของบริษัทจากการทำธุรกรรมดังกล่าวอย่างถี่ถ้วนแล้ว

*แนวโน้มเครดิตพินิจ

การประกาศแนวโน้มเครดิตพินิจเป็นผลสืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2562 ซึ่งบริษัทได้ออกประกาศว่าบริษัทจะทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ของบริษัทแผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ทั้งหมด 100% โดยสมัครใจด้วยราคาเสนอขายที่ 8.5 บาทต่อหุ้น คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 19,751.62 ล้านบาท เงินที่ใช้ในการซื้อกิจการดังกล่าวจะมาจากกระแสเงินสดภายในของบริษัท รวมทั้งจากเงินกู้ยืมที่ได้มาจากสถาบันการเงินและการออกหุ้นกู้ โดยระยะเวลาการทำคำเสนอซื้อจะสิ้นสุดในต้นเดือนสิงหาคม 2562 การซื้อกิจการในครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อความเสี่ยงทางการเงินและความเสี่ยงทางธุรกิจของบริษัท

นอกจากนี้การซื้อกิจการดังกล่าวยังอาจทำให้ภาระหนี้ของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญและอาจส่งผลทำให้สถานะทางการเงินของบริษัท
อ่อนลงเนื่องจากเงินทุนที่ใช้ในการซื้อกิจการในครั้งนี้ส่วนใหญ่มาจากการกู้ยืม นอกจากนี้สภาพแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจที่มีลักษณะเป็นวงจรขึ้นลงและมีการแข่งขันสูงของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่บริษัทแผ่นดินทองฯ ดำเนินการเป็นกิจการหลักนั้นก็อาจก่อให้เกิดผลกระทบในทางลบต่อสถานะทางธุรกิจของบริษัทได้ด้วยเช่นกัน

ปัจจุบัน บริษัทแผ่นดินทองฯ มี บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮลดิ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้ถือหุ้นในสัดส่วน 39.92%
รวมทั้งยังมี บริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) ถือหุ้นในสัดส่วน 39.28% และหุ้นที่เหลืออีก 20.8% ถือโดยผู้ถือหุ้นส่วนน้อย
บริษัทเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮลดิ้งส์ฯ ยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ที่สุดของบริษัทอีกด้วยโดยถือหุ้นทางตรงในสัดส่วน 40.95%
ของจำนวนหุ้นทั้งหมด สัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทในบริษัทแผ่นดินทองฯ ยังมีความไม่แน่นอน ณ ขณะนี้ หากบริษัทสามารถซื้อกิจการของบริษัทแผ่นดินทองฯ ได้ในสัดส่วนมากกว่า 90% บริษัทก็อาจจะถอนบริษัทแผ่นดินทองฯ ออกจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทน่าจะสามารถซื้อหุ้นของบริษัทแผ่นดินทองฯ จากบริษัทเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮลดิ้งส์ฯ ได้อย่างน้อยในสัดส่วน 39.92%

*ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

การซื้อกิจการบริษัทแผ่นดินทองฯ ทำให้บริษัทเข้าสู่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัยและธุรกิจพาณิชยกรรมวัตถุประสงค์ของบริษัทในการซื้อกิจการในครั้งนี้ก็เพื่อขยายกิจการของบริษัทไปสู่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจรโดยครอบคลุมทั้งอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรม อสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชยกรรม และอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัยพร้อมทั้งอสังหาริมทรัพย์ที่เกี่ยวข้องประเภทอื่น ๆ ด้วย   บริษัทแผ่นดินทองฯ ดำเนินธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยโดยเน้นธุรกิจที่อยู่อาศัยแนวราบเป็นหลัก ได้แก่ บ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์เฮ้าส์ ทั้งนี้ การซื้อกิจการในบริษัทแผ่นดินทองฯ น่าจะช่วยเพิ่มรายได้ทั้งในปัจจุบันและอนาคตให้แก่บริษัทได้ในทันที

*อัตราการเช่าปรับตัวสูงขึ้น

ณ เดือนธันวาคม 2561 พื้นที่ให้เช่าของบริษัท (ก่อนการขายสินทรัพย์เข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรมเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (FTREIT)) เพิ่มขึ้น 134,144 ตารางเมตร (ตร.ม.) โดยประมาณ 73%
ของพื้นที่ให้เช่าในส่วนที่เพิ่มเข้ามานั้นเป็นคลังสินค้า พื้นที่คลังสินค้าให้เช่าของบริษัทเพิ่มขึ้น 97,644 ตร.ม. ณ เดือนธันวาคม 2561
ความต้องการเช่าที่เพิ่มขึ้นเติบโตมาจากลูกค้าในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ อุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภค และอุตสาหกรรมอาหาร ในขณะที่พื้นที่โรงงานสำเร็จรูปให้เช่าของบริษัทเพิ่มขึ้น 36,500 ตร.ม. ณ เดือนธันวาคม 2561 จากการฟื้นตัวของความต้องการเช่าโรงงานในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และอุตสาหกรรมรถยนต์  อัตราการเช่าของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 80% ในช่วง 6 เดือนแรกของรอบบัญชีในปี 2562 จาก 75% ณ สิ้นรอบบัญชีปี 2561  อัตราการเช่าที่ปรับตัวดีขึ้นเกิดจากการที่บริษัทมุ่งพัฒนาคลังสินค้าที่สร้างตามความต้องการของลูกค้าและการริเริ่มการปรับปรุงสินทรัพย์โรงงานให้เช่าสำเร็จรูปของบริษัทในรูปแบบต่าง ๆ อาทิ การปรับขนาดให้เหมาะสม การผสมผสาน การปรับเปลี่ยนและการปรับปรุง เป็นต้น ในการนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราการเช่าของบริษัทจะยังคงอยู่ในระดับที่แข็งแรงที่ 80%
ในช่วงระหว่างปี 2562-2564 ต่อไป

รายได้จากการขายสินทรัพย์ FTREIT หรือชื่อเดิม คือ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ไทคอน (TREIT) กลายเป็นรายได้ที่มากที่สุดของบริษัท ณ สิ้นรอบปีบัญชีปี 2561 ทั้งนี้บริษัทมีรายได้จากการขายสินทรัพย์เข้าทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์อยู่ที่จำนวน 2,025 ล้านบาทในช่วง 6 เดือนแรกของรอบปีบัญชี 2562 ซึ่งอยู่ในระดับสูงกว่ารายได้จากการขายสินทรัพย์เข้าทรัสต์ฯ ซึ่งอยู่ที่ระดับ 638 ล้านบาท ในช่วง 6 เดือนแรกของรอบปีบัญชี 2561 ส่วนรายได้ค่าเช่าของบริษัทเพิ่มขึ้น 12% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2561 โดยอยู่ที่ระดับ 791 ล้านบาท บริษัทมีอัตราส่วนกำไร (อัตรากำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้) ปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยเป็น 47.4% ในช่วง 6  เดือนแรกของรอบปีบัญชี 2562 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

*ภาระหนี้ปรับตัวสูงขึ้น

การซื้อกิจการโดยการใช้เงินกู้ยืมจะทำให้ภาระหนี้ของบริษัทปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นและสถานะความเสี่ยงทางการเงินของบริษัทก็จะ
เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
ภายใต้สมมติฐานของทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนของบริษัทจะปรับตัวสูงขึ้นเป็นระดับ 60%-65%
ในช่วงรอบปีบัญชี 2562-2564 จากระดับ 26%-31% ในช่วงรอบปีบัญชี 2560-2561 ปัจจุบันบริษัทมีเงินสดในมือและหลักทรัพย์ในความต้องการของตลาดมูลค่ารวมทั้งสิ้น 8,763 ล้านบาท ซึ่งบริษัทจะใช้สำหรับการซื้อกิจการในครั้งนี้บางส่วนและเพื่อใช้รองรับแผนการลงทุนของบริษัทในระหว่างรอบปีบัญชี 2562- 2564

*สมมติฐานกรณีพื้นฐาน

 รายได้ของบริษัทคาดว่าจะเติบโตที่ระดับ 24,000-30,000 ล้านบาทหลังจากการซื้อกิจการในครั้งนี้
 อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทจะยังคงอยู่ที่ระดับ 35%-37% และอัตรากำไรจากการดำเนินงานจะยังคงอยู่ที่ระดับประมาณ
20% ในรอบปีบัญชี 2562-2564 ค่าใช้จ่ายลงทุนและเงินลงทุนของบริษัทคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 25,000 ล้านบาทในปี 2562 ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการซื้อกิจการ และจะอยู่ที่ระดับ 2,000-3,500 ล้านบาทในระหว่างปี 2563-2564
 

\"ทริส\"คง“เครดิตพินิจ”แนวโน้ม “ลบ” อันดับเครดิตองค์กรและตราสารหนี้ของ FPT ที่ระดับ A