ในงานสัมมนา “ตลาดหุ้นไทย ภายใต้รัฐบาลใหม่ : ลงทุนอย่างไรให้ปัง” ได้รับเกียรติจากนายวรวิทย์ จำปีรัตน์ ประธานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาด หลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “บทบาท ก.ล.ต.ภายใต้กฎหมายใหม่และบริบทโลกที่เปลี่ยนไป”ว่า พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2562 ที่มีผลใช้บังคับไปเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2562 เป็นการปรับเปลี่ยนกฎหมายให้เหมาะสมกับการเปลี่ยนไปของตลาดโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ดังนั้นผู้เกี่ยวข้องต้องเท่าทัน ต้องทำงานเชิงรุก ต้องเตรียมการพื้นฐานข้อมูลที่เป็นระบบ ต้องมีการใช้ระบบที่ทันสมัยเข้ามาช่วย จะใช้ประสบการณ์หรือความจำอย่างเดียวคงไม่ทันการณ์ เพราะหลายอย่างจะต้องใช้ความรวดเร็ว
“การทำเชิงรุกต้องมีข้อมูลเป็นระบบ ถ้ามีระบบทันสมัยจะช่วยให้การพยากรณ์ สิ่งที่เราคาดการณ์ล่วงหน้าในอนาคต เพื่อนำมาศึกษา วางมาตรการแนวทาง รับมือการเปลี่ยนแปลงอย่างทันท่วงที ก.ล.ต.เองเตรียมการรับมือการเปลี่ยนแปลงของโลกเช่นกัน มีการผลักดันกฎหมายที่ทันสมัย เช่น พระราชกําหนดการประกอบธุรกิจ สินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 ที่ทันต่อเทคโนโลยีการลงทุนที่เปลี่ยนไป ด้านการคุ้มครองผู้ลงทุนจะต้องไม่หย่อนยาน มีความร่วมมือจากหลายภาคส่วน”
ทั้งนี้พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ฉบับใหม่ มีการแก้ไข 6 เรื่องสำคัญคือ 1.ปรับปรุงการกำกับดูแลธุรกิจหลักทรัพย์ให้รองรับการทำธุรกรรมรูปแบบใหม่ ให้ยืดหยุ่น รองรับบริการที่ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม สนับสนุนผู้ประกอบการและผู้ลงทุนให้ได้รับบริการที่หลากหลาย
2.เพิ่มความคุ้มครองผู้ลงทุน กฎหมายใหม่มุ่งยกระดับมาตรฐานวิชาชีพ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม(บลจ.) กำหนดให้ชัดเจนมากขึ้น บลจ.ต้องปฏิบัติหน้าที่จัดการกองทุนรวมด้วยความซื่อสัตย์สุจริต รักษาประโยชน์ของผู้ถือหน่วยลงทุนทั้งปวง
3.ยกระดับการกำกับดูแลตลาดหลักทรัพย์ฯให้เป็นมาตรฐานสากล กำหนดกิจการของตลาดหลักทรัพย์ไว้ในกฎหมายให้มั่นคง เป็นธรรม ตรวจสอบได้ องค์ประกอบและการคัดเลือกแต่งตั้งกรรมการมีการปรับปรุงเพื่อความโปร่งใส สะท้อนประโยชน์ของผู้มีส่วนได้เสีย รับฟังความคิดเห็นจากบริษัทสมาชิกผู้ลงทุน หรือต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการก.ล.ต.ด้วย
4. เพิ่มศักยภาพการแข่งขันของตลาดทุน เพื่อพัฒนาความสามารถในการแข่งขันของตลาดหลักทรัพย์ เปิดโอกาสให้บริษัทที่ไม่ใช่สมาชิกเข้าซื้อขายหลักทรัพย์จดทะเบียนได้โดยตรง จากเดิิมที่ระบุว่า ต้องซื้อขายผ่านบริษัทสมาชิกเท่านั้น ขณะเดียวกันเปิดให้บริษัทสมาชิกซื้อขายหลักทรัพย์จดทะเบียนนอกตลาดได้มากขึ้น หากได้รับอนุญาตจากตลาดหลักทรัพย์ หรือปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ของ ก.ล.ต.
5.มีการจัดตั้งกองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน CMDF เพื่อเป็นศูนย์กลางส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน กำหนดนโยบาย บูรการการพัฒนาตลาดทุนให้ไปทิศทางเดียวกัน แยกบทบาทการพัฒนาตลาดทุน ทำให้ตลาดหลักทรัพย์ดำเนินการได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
6. เป็นเรื่องของก.ล.ต.ที่ต้องปรับตัวเช่นกัน ต้องบูรณาการกับภาคส่วนต่างๆ โดยมีข้อกำหนดที่ชัดเจนว่าแผนงานของ ก.ล.ต.ต้องสอดคล้องกับยุทธ ศาสตร์ชาติและแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งแก้ไขให้ก.ล.ต.ประสานกับหน่วยงานกำกับดูแลอื่นๆให้มีความครอบคลุม เปิดให้หน่วยงานภาครัฐเข้ามาช่วยร่วมมือกับก.ล.ต.เพื่อผลักดันบางเรื่องที่จะต้องบูรณาการได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
“ผมเชื่อว่ามีความท้าทายที่ต้องเผชิญในโลกที่เปลี่ยนไปอย่างเร็วก.ล.ต.และทุกภาคส่วนในตลาดทุนไทย ต้องทำงานเชิงรุก เพื่อเตรียมความพร้อมในการประสานความร่วมมืออย่างใกล้ชิด และเรื่องสำคัญนักลงทุนต้องระมัดระวังในการลงทุน เพราะภาวะนี้ของตลาดโลกทั้งยุโรปและอเมริกามีผลกระทบพอสมควร”
หน้า 1 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,475 วันที่ 2 - 5 มิถุนายน พ.ศ. 2562