ก.ล.ต.ยันผู้ต้องหาคดีหลอกลงทุนหุ้นต่างประเทศ เสียหาย 50 ล้านบาท เป็นลูกเจ้าหน้าที่ ชี้หากพบมีส่วนรู้เห็นสั่งลงโทษทางวินัยทันที
นายรพี สุจริตกุล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า กรณีที่ปรากฏข่าวว่า ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) แถลงข่าวการจับกุมกลุ่มบุคคลที่ไปชวนประชาชนให้ลงทุนในโครงการลงทุนหุ้นในต่างประเทศ โดยเสนอผลตอบแทน 10% ต่อเดือน ลงทุนขั้นต่ำ 300,000 บาท ซึ่งในข่าวดังกล่าวระบุว่า หนึ่งในผู้ที่ถูกจับกุมเป็นลูกของรองประธาน ก.ล.ต. ด้วยนั้น
หลังปรากฏข่าวดังกล่าว ได้ตรวจสอบเบื้องต้นจึงทราบว่า หนึ่งในผู้ที่ถูกจับกุมเป็นบุตรของพนักงานคนหนึ่งของ ก.ล.ต. ซึ่งขณะนี้ได้ให้เจ้าหน้าที่ประสานงานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว โดย ก.ล.ต. พร้อมให้ความร่วมมือเพื่อการสอบสวนของตำรวจ นอกจากนี้ ภายในองค์กรเอง ได้สั่งการให้มีการตรวจสอบรายละเอียดด้วยแล้วเช่นกัน และหากพบว่า พนักงานของ ก.ล.ต. ดังกล่าวมีส่วนรู้เห็นในการนำชื่อองค์กรไปแอบอ้าง ก็จะดำเนินการทางวินัยอย่างเคร่งครัด
ทั้งนี้ ก.ล.ต. ยึดมั่นในหลักการทำงานอย่างซื่อตรงและโปร่งใส และจะไม่ยอมให้มีการนำชื่อองค์กรไปใช้ในการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ และที่ผ่านมาก็ได้มีระบบในการตรวจสอบและติดตามการปฏิบัติหน้าที่ตามจรรยาบรรณและข้อบังคับพนักงานมาโดยตลอด โดยหากประชาชนพบเห็นการดำเนินการที่เข้าข่ายน่าสงสัยดังกล่าว ขอให้แจ้ง Help Center ของ ก.ล.ต. ที่เบอร์ 1207 เพื่อนำไปสู่กระบวนการตรวจสอบอย่างเคร่งครัดต่อไป
นอกจากนี้ ต่อกรณีความเสียหายที่เกิดขึ้นนี้ ก.ล.ต. ขอเตือนให้ผู้ลงทุนใช้ความระมัดระวังหากถูกชักชวนให้ลงทุน โดยควรตรวจสอบว่า ผู้ที่ชักชวนให้ลงทุนในหลักทรัพย์ไม่ว่าจะในหรือต่างประเทศเป็นผู้ที่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องจาก ก.ล.ต. หรือไม่ เพื่อป้องกันการถูกหลอกลวงและได้รับความเสียหาย หากมีข้อสงสัยขอให้ติดต่อ Help Center ของ ก.ล.ต. ที่หมายเลขเดียวกัน
สำหรับคดีดังกล่าว เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2562 ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) แถลงผลการจับกุม นายจิตรภณ นิศารัตน์ อายุ 25 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาเลขที่ 259/2562 ลงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2562 ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงให้ได้ไปซึ่งทรัพย์สินของผู้อื่น ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงและร่วมกันกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ศปอส.ตร.) ได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนกว่า 100 ราย ว่าตกเป็นเหยื่อกลุ่มคนร้ายหลอกลวงให้ร่วมลงทุนโครงการซื้อขายทำกำไรระยะสั้นของหุ้นต่างประเทศ (ชอร์ตหุ้น) มูลค่าความเสียหายมากกว่า 50 ล้านบาท นอกจากนี้ มีผู้ร่วมขบวนการอีก 2 คน คือ นายศรฉัตร กล่ำแสง อายุ 40 ปี และนายพีระยุทธ อาจอำนวย อายุ 34 ปี มีหน้าที่ประสานงานและเป็นผู้ดูแลโปรแกรมการลงทุนได้ประกาศชักชวนผู้เสียหายให้เข้ามาเป็นสมาชิกร่วมลงทุนกับกลุ่มเอนปี (NEW BLOCD) ซึ่งอ้างว่าจะมีผู้บริหารระดับประเทศทั่วโลกจะไปดำเนินการซื้อขายหุ้นในช่วงตลาดหุ้นของวอร์สตรีทปิดทุกวัน
ขณะเดียวกัน นายศรฉัตร และนายพีระยุทธ ได้กล่าวอ้างกับผู้ลงทุนว่านายจิตรภณ เป็นนายทหารยศ “พันตรี” เป็นลูกของรองประธาน ก.ล.ต. และมีบุคคลสำคัญของประเทศคอยหนุนหลังอยู่ จึงมีผู้สนใจเข้าร่วมทุนจำนวนมาก